- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 1 month ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 1 month ago
- โลกธรรมPosted 1 month ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 1 month ago
- สลายความเกลียดชังPosted 1 month ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 1 month ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 1 month ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 1 month ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 1 month ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 1 month ago
โลกหลังความตาย

คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 19 ก.ค. 67)
โลกหลังความตายเป็นความจริงและเป็นหลักคำสอนสำคัญที่มีอยู่ในทุกศาสนา โลกหลังความตายถูกเรียกด้วยคำพูดอื่นๆอีก เช่น นรกและสวรรค์ วันแห่งการพิพากษา เป็นต้น ศาสนิกบางคนพยายามจำลองภาพนรกให้เห็นว่าเป็นภพแห่งการลงโทษทรมานที่น่าสะพรึงกลัวเพื่อข่มขู่มนุษย์มิให้ทำความชั่ว แต่ถึงกระนั้น ภาพจำลองนรกก็ไม่สารมารถยับยั้งมนุษย์ให้ทำชั่วได้ถ้ามนุษย์ไม่เชื่อว่านรกมีจริง
บางคนที่ไม่เชื่อในเรื่องการมีอยู่ของนรกและสวรรค์ใช้คำพูดว่า “สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ” เพื่อบอกว่าเมื่อทำความดีก็มีความสุขเป็นสวรรค์ เมื่อทำความชั่วก็เป็นทุกข์ทุรนทุรายอยู่ในใจ การตอบแทนความดีและการลงโทษความชั่วหลังความตายไม่มี
ความจริงแล้ว โลกหลังความตายไม่ได้มีแค่เพียงนรกและสวรรค์เท่านั้น นรกและสวรรค์เป็นที่พักสุดท้ายของวิญญาณที่เป็นตัวบงการพฤติกรรมของมนุษย์ในโลกนี้ แต่ก่อนจะไปถึงนรกและสวรรค์ มนุษย์ยังต้องผ่านขั้นตอนต่างๆกว่าจะไปถึง ไม่ต่างจากการขึ้นเครื่องบินสู่ท้องฟ้าซึ่งผู้เดินทางต้องถูกตรวจพาสปอร์ต ตั๋วเครื่องบิน การตรวจค้นตัวและการเอ๊กซ์เรย์กระเป๋าเดินทาง
ดังนั้น ก่อนจะไปยังนรกหรือสวรรค์ อิสลามจึงมีคำสอนว่ามนุษย์จะพบกับการสอบสวนตั้งแต่ในหลุมฝังศพ การรอคอยวันสิ้นโลกเพื่อฟื้นคืนชีพอีกครั้งหนึ่ง การปรากฏตัวต่อหน้าพระเจ้าเพื่อรับการพิพากษาและการตอบแทนสำหรับสิ่งที่ตัวเองได้ทำไว้ขณะมีชีวิตอยู่ในโลก
นรกและสวรรค์จึงจำเป็นต้องมีและเป็นความจริงที่ผู้ศรัทธาในพระเจ้าเชื่อมั่นไม่สั่นคลอน เพราะพระเจ้าทรงยุติธรรม ถ้าไม่มีนรกและสวรรค์ มนุษย์จะไม่ได้รับความยุติธรรมเลยเพราะโลกใบนี้ไม่มีความยุติธรรมที่แท้จริง คนทำความดีมากมายหลายคนยังไม่ได้รับการตอบแทนความดีและบางคนได้รับการตอบแทนไม่สมกับความดีที่ได้ทำไป ในทางตรงข้าม คนทำชั่วมากมายรอดพ้นการลงโทษทางกฎหมายเพราะใช้อิทธิพล บางคนถูกจับได้ แต่ยังไม่ทันถูกลงโทษก็ตายเสียก่อน การลงโทษฆาตกรฆ่ายกครัวด้วยการจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิตก็ทำได้เพียงชีวิตเดียวเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ คำสอนของทุกศาสนาจึงสอนมนุษย์ให้รู้ความจริงว่าชีวิตไม่ได้จบลงตรงความตาย แต่ความตายเป็นเพียงการคลอดอีกครั้งหนึ่ง แต่เป็นการคลอดทางด้านจิตวิญญาณ ไม่ต่างจากมนุษย์คลอดออกมาจากครรภ์แม่ จะแตกต่างกันก็ตรงที่มนุษย์คลอดออกจากครรภ์แม่มายังโลกนี้โดยมีทั้งร่างกายและวิญญาณมาด้วยกัน แต่การตายเป็นการคลอดจากโลกนี้ไปสู่โลกหน้า แต่เป็นการคลอดทางด้านวิญญาณอย่างเดียว ร่างกายจะถูกทิ้งไว้ในโลกนี้ไม่ต่างจากรกมนุษย์แรกคลอด
หลุมฝังศพเป็นเพียงประตูที่วิญญาณมนุษย์เริ่มต้นออกเดินทางไปยังโลกหน้าซึ่งเป็นโลกที่มนุษย์ไม่มีความรู้อะไรเลย แต่พระเจ้าผู้สร้างนรกและสวรรค์ได้บอกให้มนุษย์ให้ใช้สติปัญญาแค่น้อยนิดก็คิดได้ว่าสวรรค์เป็นภพแห่งการตอบแทนที่มนุษย์ไม่ต้องทำงาน พระเจ้าได้ให้มนุษย์ทุกคนผ่านภพแห่งความสุขสบายนี้มาแล้วตอนมนุษย์เป็นทารกในครรภ์แม่ ถ้าในตอนนั้น ทารกมนุษย์ในครรภ์เห็นสิ่งสวยงามและอาหารการกินมากมาย ทารกมนุษย์ก็คงอยากออกจากครรภ์แม่มาสู่โลกนี้ก่อนกำหนด
แต่โลกอันแสนสบายในครรภ์ไม่ใช่โลกถาวร ไม่เกินเก้าเดือน ทารกมนุษย์ก็ต้องคลอดออกมาสู่โลกนี้ซึ่งเป็นโลกชั่วคราวที่มีรูปรสกลิ่นสีมากมายกว่าในครรภ์แม่ แต่กว่าจะได้สิ่งต่างๆมา มนุษย์ต้องทำงานหนัก ตอนอยู่ในโลกนี้ พระเจ้าได้เตือนมนุษย์ถึงความตายและการฟื้นคืนชีพหลังความตายทุกคืนในรูปของการนอนหลับ ถ้าใครตื่นขึ้นมาในตอนเช้า นั่นก็หมายความว่า พระเจ้าได้ให้เขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ชีวิต ความตายและการฟื้นคืนชีพเป็นความจริงง่ายๆที่มนุษย์สามารถคิดได้ มันเป็นเรื่องของวิญญาณที่พระเจ้าให้เรามาเพื่อมีชีวิต และเมื่อถืงเวลา พระเจ้าก็จะเอาวิญญาณกลับไปในรูปของความตาย ในขณะที่มีชีวิต วิญญาณนั่นเองที่เป็นตัวบงการมนุษย์ให้ทำสิ่งต่างๆ ดังนั้น วิญญาณจึงต้องรับผิดชอบและถูกสอบสวนเพื่อรับการตอบแทนด้วยนรกหรือสวรรค์ตามที่มันได้ทำไว้
You must be logged in to post a comment Login