- ปีดับคนดังPosted 44 mins ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 1 day ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 2 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 3 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 6 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 7 days ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
การเตรียมตัวสู่โลกหลังความตาย
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 1 ส.ค. 67)
ทุกศาสนามีคำสอนเรื่องโลกหลังความตายเพราะโลกหลังความตายมีจริง แต่การจะไปที่นั่นได้ มนุษย์ต้องผ่านความตายเสียก่อน ไม่ต่างอะไรจากการมายังโลกนี้ที่มนุษย์ต้องผ่านการคลอดจากครรภ์มารดามาก่อน ดังนั้น มนุษย์จึงมีความเชื่อในเรื่องนี้มาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ แต่หากความเชื่อในเรื่องนี้ผิดตั้งแต่ต้น มันจะมีผลต่อชีวิตของมนุษย์ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
เท่าที่ผ่านมา มนุษย์มีความเชื่อในเรื่องโลกหลังความตายแตกต่างกันดังนี้
มนุษย์กลุ่มแรกเชื่อว่าโลกหลังความตายไม่มี คนกลุ่มนี้เชื่อว่ามนุษย์เกิดมาในโลกนี้เพียงเพื่อกิน นอน ถ่าย สืบพันธ์และตายไปเหมือนกับการตายของสัตว์ทั้งหลาย ผลที่ตามมาก็คือมนุษย์ที่ไม่เชื่อในเรื่องนี้จะใช้ชีวิตเหมือนกับคนที่ไม่กลัวกฎหมายและคุกตาราง
มนุษย์กลุ่มที่สองเชื่อว่าโลกหน้ามีจริง แต่มีความเชื่อที่แตกต่างกันไปอีก
กลุ่มหนึ่งเชื่อว่าเมื่อตายแล้ว วิญญาณของมนุษย์จะกลับมายังร่างของตัวเองในโลกนี้อีก ดังนั้น ด้วยความเชื่อเช่นนี้ ในขณะที่มีชีวิต ฟาโรห์จึงสะสมทรัพย์สมบัติไว้มากมายและเก็บศพของเขาไว้ในสภาพของมัมมี่ ไม่เพียงเท่านั้น ฟาโรห์ยังสั่งให้ทำมัมมี่สัตว์เลี้ยงตัวโปรดของเขาด้วย เพราะฟาโรห์เชื่อว่าหลังตัวเองตายไปแล้ว วิญญาณของเขาและของสัตว์ตัวโปรดจะกลับมาเข้าร่างมัมมี่ของตัวเขาและเขาจะได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาเสวยสุขในโลกนี้อีกหลังจากตายไป
อีกกลุ่มหนึ่งเชื่อว่าหลังจากจากตายแล้ว ตัวเองจะไปอยู่ในอีกโลกหนึ่ง คนจีนมีความเชื่อเช่นนี้มานานแล้ว ดังนั้น ในขณะที่มีชีวิต ชาวจีนจะเตรียมโลง เตรียมสถานที่ฝังศพของตัวเอง ลูกที่กตัญญูจะเตรียมโลงศพให้พ่อแม่ เมื่อตายไปแล้ว ลูกหลานจะทำพิธีเผาปัจจัยดำรงชีพเช่นบ้าน ตู้เย็น โทรทัศน์ รถยนต์ เสื้อผ้าและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆซี่งทำด้วยกระดาษส่งไปให้บุพการีผู้ล่วงลับของตนด้วยความเชื่อว่าชีวิตในโลกหน้าจะสะดวกสบายหากมีปัจจัยเหล่านี้
ชาวยิว ชาวคริสเตียนและชาวมุสลิมผู้สืบทอดความเชื่อในพระเจ้าองค์เดียวล้วนมีความเชื่อในเรื่องโลกหลังความตายเหมือนกัน ความเชื่อนี้ถูกเรียกด้วยถ้อยคำที่มาจากเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังความตาย เช่น วันแห่งการฟื้นคืนชีพ วันแห่งการพิพากษา วันแห่งการตอบแทน เป็นต้น
ในอิสลาม เมื่อมุสลิมได้ยินข่าวการเสียชีวิตของใคร คัมภีร์กุรอานสั่งให้มุสลิมกล่าวว่า “อินนาลิลลาฮ์ วะอินนา อิลัยฮิรอญิอูน” ซึ่งหมายความว่า “แท้จริง เราเป็นของพระเจ้า และเราจะกลับไปหาพระองค์อย่างแน่นอน” การพูดเช่นนี้เป็นการเตือนตัวเองว่าวันหนึ่งเราจะกลับไปหาพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของชีวิต
คำพูดเตือนสติดังกล่าวบอกให้รู้ว่าเมื่อวิญญาณของมนุษย์ออกจากร่างไปแล้วจะไม่กลับมาโลกนี้อีก อนาคตของวิญญาณซึ่งเป็นชีวิตที่แท้จริงจะดีหรือร้ายขึ้นอยู่กับการกระทำของมนุษย์ที่อยู่ภายใต้คำบงการของวิญญาณ ดังนั้น วิญญาณจึงต้องรับผิดชอบ มนุษย์จะขอพรให้ใครเข้าสวรรค์อย่างไรก็เป็นเรื่องของมนุษย์ แต่ผู้ที่จะให้ใครเข้าสวรรค์คือพระเจ้าผู้ทรงสร้างและเป็นเจ้าของสวรรค์
คำสอนของอิสลามมีความชัดเจนว่าคนที่จะเข้าสวรรค์ต้องเตรียมตัวขณะยังมีชีวิตในโลกนี้ และสิ่งที่ต้องเตรียมนั้นมิใช่ทรัพย์สินเงินทองที่เป็นวัตถุ เพราะชีวิตในสวรรค์ไม่ต้องการปัจจัยยังชีพเหมือนในโลกมนุษย์ที่ต้องทำงานเพื่อให้ได้มันมา แต่สวรรค์เป็นโลกแห่งการตอบแทน สิ่งที่ต้องเตรียมไว้ก็คือ “ความยำเกรงพระเจ้า” นั่นคือ เมื่อพระเจ้าใช้ให้ทำสิ่งใดก็ทำตาม เมื่อพระเจ้าห้ามสิ่งใดก็งดเว้น
You must be logged in to post a comment Login