- เรื่องยังไม่จบPosted 24 hours ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 2 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 3 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 6 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 7 days ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
- บทเรียนพระสายมูPosted 2 weeks ago
สังคมจะมีปัญหาเมื่อประชากรน้อยลง
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 20 ก.ย 67)
นบีมุฮัมมัดเกิดในคาบสมุทรอาหรับที่แผ่นดินร้อนระอุทุรกันดาร ในเมืองมักก๊ะฮฺที่ท่านถือกำเนิดนั้น ผืนดินเต็มไปด้วยโขดหินและเนินเขาที่ไม่สามารถเพาะเพาะปลูกอะไรได้ ชาวอาหรับจึงจำเป็นต้องเลี้ยงชีพด้วยการค้าขายทั้งทางบกและทางทะเลที่อยู่รอบๆ
เนื่องจากชาวอาหรับมีชีวิตแบบสังคมเผ่าที่ประกอบด้วยตระกูลต่างๆ ความเข้มแข็งของเผ่าจึงขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ชายในเผ่า ครอบครัวใดมีเด็กผู้ชายเกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องที่ญาติพี่น้องต่างยินดีและมีการเลี้ยงฉลองกัน
หากครอบครัวใดให้กำเนิดทารกเพศหญิง คนในครอบครัวจะไม่ยินดีด้วยเพราะชาวอาหรับถือว่าเพศหญิงเป็นเพศที่อ่อนแอ โตขึ้นเป็นสาวอาจถูกคุกคาม ยามสงครามเป็นภาระ เมื่อแต่งงานกับผู้ชายเผ่าอื่นก็ต้องไปช่วยสร้างประชากรให้เผ่าของสามี หากสามีตาย ภรรยาก็ตกเป็นมรดกของทายาทสามี
สภาพการณ์นี้เองที่ทำให้ชาวอาหรับก่อนสมัยอิสลามมีความรู้สึกว่าการมีลูกสาวคือความอัปมงคลของครอบครัวโดยเฉพาะครอบครัวที่ลำบากยากจน ดังนั้น บางครอบครัวจึงนำทารกเพศหญิงไปฝังทั้งเป็นตั้งแต่แรกเกิดเพราะกลัวว่าจะไม่สามารถเลี้ยงลูกสาวของตัวเองได้
แต่เมื่อนบีมุฮัมมัดเริ่มเผยแผ่อิสลาม ท่านได้นำคำสอนของพระเจ้ามาบอกชาวอาหรับว่า “จงอย่าฆ่าลูกของสูเจ้าเพราะกลัวความยากไร้ เพราะพระเจ้าได้ประทานปัจจัยยังชีพแก่พวกเขาและเจ้าแล้ว” นั่นหมายความว่าพระเจ้าได้เตรียมสิ่งจำเป็นในการดำรงชีพสำหรับเด็กทุกคนที่เกิดมารวมทั้งพ่อแม่ของเด็กด้วย เพราะพระเจ้าเป็นผู้ให้ชีวิต ผู้กำหนดเพศของมนุษย์และผู้ประทานปัจจัย
เมื่อรู้จักและศรัทธาในพระเจ้า ชาวอาหรับจึงเลิกฝังลูกสาวทั้งเป็น และเพื่อให้ชาวอาหรับยินดีที่ได้รับลูกเป็นของขวัญจากพระเจ้า นบีมุฮัมมัดจึงสั่งให้มีการเลี้ยงฉลองเมื่อมีทารกแรกเกิด ถ้าทารกเป็นเพศชาย อย่างน้อยก็เชือดแพะหรือแกะสองตัว และหากทารกเป็นเพศหญิงก็เชือดแพะหรือแกะหนึ่งตัวเพื่อเอาเนื้อไปทำอาหารเลี้ยงญาติพี่น้องและเพื่อนบ้าน
นับแต่นั้นมา ทัศนคติเชิงลบต่อการมีทารกเพศหญิงก็หมดไปจากชาวอาหรับและเมื่อชนชาติใดเข้ารับอิสลามก็จะไม่มีทัศนคติเหมือนชาวอาหรับในยุคอวิชชาก่อนหน้าอิสลาม
แต่เมื่อชาติตะวันตกเริ่มมีความเจริญหลังยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ ผู้คนทั่วโลกต่างหลงเชื่อทฤษฎีของมองธัสที่ว่าจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจะทำให้มนุษย์ขาดแคลนอาหาร จึงมีการรณรงค์ด้วยสโลแกนว่า “ลูกมากจะยากจน” ผู้คนทั่วโลกจึงพากันคุมกำเนิดตามนโยบายวางแผนครอบครัวที่ติดมากับเงื่อนไขการกู้เงินจากธนาคารโลกเพื่อพัฒนาประเทศ
หลังการปฏิวัติเขียวหรือการปฏิวัติทางการเกษตร โลกได้รู้ชัดแล้วว่ามนุษย์สามารถผลิตอาหารได้มากเกินความต้องการของประชากรโลกจนถึงบางครั้งต้องนำผลผลิตไปทำลายเพื่อรักษาราคาที่ดีที่สุดไว้สำหรับผู้ผลิต แต่ความอคติต่อทารกเพศหญิงก็ยังไม่หมดไปจากมนุษย์
ชาวอาหรับก่อนหน้าอิสลามฝังทารกเพศหญิงทั้งเป็นหลังจากที่ทารกคลอดออกมาแล้ว แต่เมื่อวิทยาศาสตร์เจริญก้าวหน้า ครอบครัวชาวจีนยังถือว่าการมีทารกเพศชายเป็นสิ่งมงคล ดังนั้น บางครอบครัว หากภรรยาคนใดตั้งครรภ์ สามีหรือคนในครอบครัวจะแนะนำให้ไปตรวจครรภ์ด้วยอุลตาซาวด์ หากรู้ว่าทารกในครรภ์เป็นเพศหญิง ทารกหญิงก็จะถูกกำจัดทิ้งตั้งแต่อยู่ในครรภ์ด้วยการทำแท้ง
ปัจจุบัน สภาวะเศรษฐกิจบีบคั้นจนทำให้ผู้คนกลัวความยากจน มองการมีลูกเป็นภาระ จึงไม่อยากแต่งงานมีครอบครัว หรือถ้าแต่งแล้วก็จำกัดการมีลูก จึงทำให้เด็กเกิดใหม่มีจำนวนน้อยลงเรื่อยๆในขณะที่ผู้สูงอายุที่จะเป็นภาระของสังคมมีมากขึ้น ปีรามิดประชากรที่ควรจะมีฐานประชากรรุ่นใหม่กว้างขึ้นกลับกลายเป็นแคบลงในขณะที่ยอดบนของปีรามิดคือผู้สูงอายุกลับกว้างขึ้น
ไม่อยากจะนึกเลยว่าสภาพของแต่ละประเทศจะเป็นอย่างไรหากเกิดสงครามที่ทำให้คนหนุ่มต้องไปตายในสนามรบจำนวนมากในขณะที่มีแม่ม่ายและคนชราที่ต้องการคนรุ่นหนุ่มมาคอยดูแล แม้ในปัจจุบัน รัฐบาลบางประเทศจะส่งเสริมการมีบุตรด้วยการให้สวัสดิการต่างๆ แต่กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้หมดแล้ว
You must be logged in to post a comment Login