- เรื่องยังไม่จบPosted 24 hours ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 2 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 3 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 6 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 7 days ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
- บทเรียนพระสายมูPosted 2 weeks ago
พรหมลิขิต
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 27 ก.ย 67)
ในคัมภีร์กุรอานตอนหนึ่ง พระเจ้าได้บอกนบีมุฮัมมัดว่า “จงสดุดีพระผู้อภิบาลของเจ้าผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงสร้างแล้วทรงทำให้สมบูรณ์ ผู้ทรงกำหนดทุกสิ่งและผู้ทรงนำทาง” (กุรอาน 87:1-3)
ถ้อยคำดังกล่าวทำให้มุสลิมเชื่อสนิทใจว่าทุกสิ่งในจักรวาลและในโลกนี้ถูกสร้างขึ้นมาโดยมีสัดส่วนรูปร่างที่สมบูรณ์ ไม่เพียงเท่านั้น ทุกสิ่งที่ถูกสร้างมายังถูกกำหนดให้ดำเนินไปตามที่พระเจ้านำทางด้วย
ไม่เพียงแต่กำหนดให้ทุกสิ่งถูกสร้างดำเนินไปตามวิถีที่ถูกกำหนดเท่านั้น แม้แต่ความเป็นไปบนโลกใบนี้หรือแม้แต่ชีวิตของมนุษย์ก็ได้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วโดยประสงค์ของพระเจ้า นบีมุฮัมมัดได้อธิบายขยายความว่าเมื่อมนุษย์อยู่ในครรภ์ของมารดาได้ 120 วัน พระเจ้าจะเป็นผู้กำหนดเพศ ปัจจัยยังชีพ การงาน ช่วงชีวิต ทุกข์และสุขไว้แล้วโดยที่มนุษย์ไม่สามารถเลือกได้
คนมุสลิมจึงเชื่อว่าความเป็นไปของสิ่งถูกสร้างรอบตัวและชีวิตของมนุษย์เองเป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ความเชื่อเช่นนี้มีมาก่อนแล้วในรูปของ “พรหมลิขิต” ซึ่งเป็นความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ก่อนหน้าพุทธกาล พรหมก็คือผู้สร้าง ลิขิตคือกำหนด เป็นเรื่องธรรมดาที่สามัญสำนึกตื้นๆก็สามารถเข้าใจได้ว่าถ้าใครเป็นคนสร้างอะไร คนนั้นต้องเป็นผู้กำหนด
ความแตกต่างของความเชื่อในเรื่องนี้อยู่ที่พระเจ้าผู้สร้างเป็นอจินตัยหรือสิ่งที่ไม่ควรไปนึกคิดถึงรูปร่างหน้าตา อิสลามจึงไม่อนุญาตให้มุสลิมสร้างพระพรหมขึ้นมาตามจินตนาการของตัวเองเพื่อบูชาสักการะ เพราะพระพรหมเป็นผู้สร้าง มิใช่สิ่งถูกสร้าง
*มื่อกองทัพกรีกกรีฑาทัพมารุกรานทางตอนหนือของอนุทวีป(อินเดียปัจจุบัน) แม่ทัพชาวกรีกพบว่าคนในท้องถิ่นมีความเชื่อในเรื่องพรหมลิขิตและยอมจำนนต่อชะตาชีวิตที่ถูกลิขิตมาจากพรหม แม่ทัพชาวกรีกจึงนำความเชื่อเรื่องพรหมลิขิตมาประยุกต์ใช้ในการปกครองโดยอธิบายความเชื่อในเรื่องนี้ว่าพรหมได้ลิขิตมนุษย์ไว้เป็นสี่วรรณะ ใครเกิดในวรรณะใดก็ต้องอยู่ในวรรณะนั้นไปชั่วลูกชั่วหลาน
ไม่เพียงเท่านั้น ระบบวรรณะยังกำหนดให้คนในแต่ละวรรณะแต่งงานกับคนในวรรณะของตนเอง หากใครแต่งงานข้ามวรรณะ ลูกที่เกิดมาจะอยู่ในสถานะจัณฑาล(ต่ำช้า)ที่ถูกสังคมรังเกียจและดูถูก คนที่เป็นจัณฑาลไม่สามารถเข้ามามีบทบาททางสังคมได้
ในระบบวรรณะ คนเกิดในวรรณะต่ำทำดีอย่างไรก็ไม่สามารถเลื่อนไปอยู่ในวรรณะที่สูงกว่าได้ และคนที่อยู่ในวรรณะสูงทำชั่วอย่างไรก็ไม่ตกมาอยู่ในวรรณะที่ต่ำกว่า
นี่คือสภาพการณ์ทางความเชื่อและสังคมที่เกิดขึ้นก่อนพุทธกาลและเจ้าชายสิทธัตถะเห็นและหาทางที่จะแก้ไข
ความแตกต่างอีกประการหนึ่งในความเชื่อเรื่องการลิขิตของพระเจ้าก็คือ แม้มนุษย์จะถูกลิขิตมาตามประสงค์ของพระเจ้า แต่นั่นมิได้หมายความว่ามนุษย์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสภาพชีวิตของตนเองได้ คัมภีร์กุรอานกล่าวถึงเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจนว่า “พระเจ้าจะไม่เปลี่ยนแปลงหมู่ชนใด จนกว่าพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวของพวกเขาเองเสียก่อน” (กุรอาน 13:11)
นั่นหมายความว่า ในอิสลาม แม้ชีวิตของมนุษย์จะถูกพระเจ้าลิขิตมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา แต่เมื่อคลอดออกมาแล้ว มนุษย์สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้ด้วยการศึกษาหาความรู้และขยันขันแข็งในการทำมาหากิน และเนื่องจากสังคมประกอบด้วยมนุษย์ การจะเปลี่ยนแปลงสังคมจำเป็นต้องเปลี่ยนมนุษย์ที่อยู่ในสังคมก่อน
You must be logged in to post a comment Login