- อย่าไปอินPosted 2 days ago
- ปีดับคนดังPosted 3 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 4 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 6 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
สภาผู้บริโภค วอนให้เหตุไฟไหม้รถบัสนักเรียนเป็นกรณีสุดท้าย เสนอทบทวนมาตรการพาเด็กออกนอกพื้นที่
สภาผู้บริโภค วอนให้เหตุไฟไหม้รถบัสนักเรียนเป็นกรณีสุดท้าย เสนอทบทวนมาตรการพาเด็กออกนอกพื้นที่ สร้างมาตรการว่าจ้างรถโดยสารที่มีมาตรฐาน ตรวจสภาพรถก่อนใช้ มีอุปกรณ์ครบพร้อมใช้งาน คัดกรองคนขับ-ผู้ประกอบการที่มีคุณภาพ
จากเหตุการณ์เพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียน โรงเรียนวัดเขาพระยา จ.อุทัยธานี บนถนนวิภาวดีรังสิต ตรงข้ามพหลโยธิน 72 ซึ่งกำลังพาครู และนักเรียนมาทั้งหมด 44 คน เดินทางไปทัศนศึกษา ส่งผลให้เกิดเหตุสลด มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก นายคงศักดิ์ ชื่นไกรลาศ ผู้ช่วยเลขานุการคณะอนุกรรมการด้านการขนส่งและยานพาหนะ สภาผู้บริโภค สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า จากข้อมูลการเฝ้าระวังของศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) และเครือข่ายองค์กรผู้บริโภค โดยสภาผู้บริโภค ระบุว่าปี 2565-2567 มีอุบัติเหตุทางถนน และความไม่ปลอดภัยกับรถรับส่งนักเรียนถึง 30 ครั้ง ขณะที่ช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม ปี 2567 เกิดอุบัติเหตุรถรับส่งนักเรียนถึง 15 ครั้ง มีนักเรียนเสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บ 153 คน โดยสาเหตุของอุบัติเหตุเกิดขึ้นจากความประมาทเลินเล่อของผู้ประกอบการ หรือผู้ขับรถ สภาพรถที่ไม่ปลอดภัย และขาดการจัดการที่เป็นระบบอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจากกรณีเพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียน โรงเรียนวัดเขาพระยาที่เกิดขึ้น เป็นรถโดยสารเช่าแบบไม่ประจำทาง ที่อาจเกิดการว่าจ้างโดยขาดขั้นตอนการจัดทำสัญญาที่มีมาตรฐานความปลอดภัย
“ทุกโรงเรียนก่อนจะมีการว่าจ้างรถโดยสารเพื่อนำพานักเรียนไปนอกสถานที่ โรงเรียนควรจัดทำสัญญาจ้างเช่ารถโดยสารไม่ประจำทางที่มีมาตรฐาน มีเงื่อนไขความปลอดภัยให้กับผู้ให้บริการต้องจัดให้มี เช่น ข้อมูลการตรวจสภาพรถ การประกันภัย ข้อมูลรถ-คนขับรถ ตลอดจนความรับผิดชอบของผู้ให้บริการนอกจากนี้ต้องมีการประเมินจำนวนนักเรียน และครูผู้ควบคุมรถว่าต้องใช้ครูจำนวนครูเท่าไหร่ถึงจะดูแลเด็กนักเรียนได้อย่างเหมาะสมทั่วถึง ครูจะต้องผ่านการฝึกกรณีเกิดเหตุฝึกฝน ในสถานการณ์ที่เด็กในสภาวะวิกฤตก็ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ โดยสภาผู้บริโภคมีข้อเสนออย่างเร่งด่วน ดังนี้ 1. ทบทวนมาตรการการพาเด็กออกนอกพื้นที่ โดยเฉพาะกรณีไปทัศนศึกษา ควรกำหนดกิจกรรมให้เหมาะสมตามช่วงวัย 2. ทบทวนการจัดซื้อจัดจ้าง การทำสัญญาว่าจ้างรถโดยไม่ประจำทาง หากเกิดกรณีจำเป็น ต้องมีสัญญามาตรฐานที่มีองค์ประกอบความปลอดภัยและความรับผิดชอบของผู้ให้บริการ รวมถึงมาตรการตรวจรถก่อนใช้ล่วงหน้าโดยโรงเรียนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการคัดกรองผู้ให้บริการที่มีคุณภาพ ขอให้อุบัติเหตุอันตรายที่เกิดกับรถโดยสารนักเรียนเป็นครั้งสุดท้าย” นายคงศักดิ์ กล่าว
นายคงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมามูลนิธิผู้บริโภคในฐานะหน่วยงานประจำจังหวัดกรุงเทพมหานคร สภาผู้บริโภค ได้มีการจัดทำร่าง “หนังสือสัญญาจ้างรับขนคนโดยสาร” โดยมีเนื้อหาระบุถึงข้อกำหนดมาตรฐานรถ ดังนี้ ผู้รับขนส่งต้องจัดหารถโดยสาร ที่มีอายุการใช้งานตามที่กำหนด นับแต่วันจดทะเบียนตามคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ มีอุปกรณ์ และส่วนควบที่มีสภาพมั่นคงแข็งแรง พร้อมใช้งานได้อย่างปลอดภัยครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด เช่น มีเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง มีประตูฉุกเฉิน ถังดับเพลิง ค้อนทุบกระจก ครบถ้วนสมบูรณ์ และรถโดยสารผ่านการตรวจสภาพรถจากกรมการขนส่งทางบก และต้องมีระบบกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลกผ่านดาวเทียม (GPS) เพื่อให้ผู้รับขนส่งตรวจสอบการเดินทาง และการใช้ความเร็วของพนักงานขับรถโดยสารได้ โดยผู้รับขนส่งต้องจัดหาพนักงานขับรถที่มีใบอนุญาตขับรถที่ถูกต้องตรงตามประเภทของรถโดยสาร โดยได้รับอนุญาตมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ใบอนุญาตไม่สิ้นอายุ พนักงานขับรถมีความสุภาพเรียบร้อย เคารพกฎจราจร ไม่ขับรถเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ไม่ดื่มสุรา สูบบุหรี่ และไม่มีการใช้สารเสพติดใดๆ มีความชำนาญเส้นทางตามแผนการเดินทาง หากเดินทางในระยะทางที่มากกว่า 400 กิโลเมตร ผู้รับขนส่งต้องจัดหาพนักงานขับรถ 2 คน เพื่อสลับเปลี่ยนพนักงานขับรถตามกฎหมายและห้ามพนักงานขับรถคนเดียวติดต่อกันนานเกินกว่า 4 ชั่วโมง
You must be logged in to post a comment Login