วันพฤหัสที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ทำสติให้มั่นคง

On October 3, 2024

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม         

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่   3 ต.ค.  67)

พูดถึงเรื่องความโศกเศร้าในความสูญเสียกรณีเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต หน้าอนุสรณ์สถาน จ.ปทุมธานี ทำให้ครูและนักเรียนเสียชีวิตถึง 23 ศพ ถ้าใครไปในทำนองไม่เศร้าแล้วทำเป็นเหมือนจะหัวเราะ เช่น หัวเราะเหมือนท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โดนต่อว่าต่อขาน แต่ความจริงกันแล้วก็ไม่มีใครผิดหรอกเรื่องที่บอกว่า อยากจะดึงอารมณ์ให้คนไม่เศร้าโศกเกินไป แต่จังหวะเวลาบางทีมันไม่ให้

เลยกลายเป็นเรื่องถูกกระสุนตกเอาหาว่า ไม่รู้จักเวลาโศกเศร้า แต่เรื่องเวลาโศกเศร้าไม่ใช่เป็นเวลาที่เราจะอวดกัน บางคนอภิปรายไปก็ทำเป็นสะอื้นไป ร้องไปอะไรต่างๆ บางทีเราว่า ตรงไหนมันจะเหมาะกว่ากัน ถ้าเป็นชาวพุทธร้องไห้ ร้องห่ม ก็ไม่ดีแน่นอน แต่ถ้าไม่ร้อง แล้วไปหัวเราะขึ้นมาเสียอีก อันนี้มันก็เกินไปเสียอีกมุมหนึ่ง เรื่องนี้จึงกลายเป็นเรื่องที่บางศาสนาไม่ให้ร้องไห้ อย่างศาสนาอิสลามนี่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยร้องไห้เมื่อญาติพี่น้องตาย ร้องบ้างแต่น้อย แต่ถ้าเป็นชาวพุทธไทยค่อนข้างจะหนักหน่อย

ร้องไห้ ร้องห่มเอาตายไปเลยก็มี อยากจะฝากว่า เอาพอเหมาะพอดีก็แล้วแต่ ไม่ถึงกับหัวเราะและไม่ต้องร้องห่ม ร้องไห้ ฟูมฟายมากมายนัก เอาเป็นพอว่า ซึมๆ น้ำตาคลอก็พอจะเป็นไปได้ แต่ถ้าออกในลักษณะร้องมาก โศกมาก เศร้ามาก มันก็พาดึงอารมณ์คนอื่นเศร้าร้องเพิ่มขึ้นไปอีก เหมือนกับพล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ท่านบอกว่า ไม่ได้ ถ้าขืนปล่อยให้ร้องกันใหญ่มันก็จมอยู่กับความโศกเศร้า

เรียกว่า ถูกเหมือนกัน คิดถูก แต่พูดออกมาท่าทางคนอยู่ในระหว่างเศร้าโศกก็มักจะถูกต่อว่า แต่ที่จริงแล้ว การไม่เศร้ามากเกินไป มีคนที่อยู่เฉยๆได้บ้างมันก็ดี ไม่ใช่ทุกคนจะมาเศร้าโศกกันแบบชนิดที่ไม่ลืมหู ลืมตาว่างั้นเถอะ เพราะร้องไห้ตีโพย ตีพายเกินไปก็ไม่ดี มันไม่เป็นที่เรียกว่า บรรยากาศจะได้ไปใช้ขบคิดอะไร เพราะมัวแต่เศร้าโศกอยู่ มันก็คิดอะไรไม่ได้ แก้ไขอะไรไม่ถูก ขอให้เดินทางสายกลาง ไม่โศก ไม่เศร้า แต่ต้องไม่หัวเราะ ซึ่งหัวเราะนี่บางทีเขาหาว่า เยอะเย้ยๆหยัน สมน้ำหน้า คนคิดมากก็คิดไปเรื่อยๆ

แต่ยังไงก็อย่าโศกเกินไป อย่าเศร้าเกินไป สมองที่โศกเศร้ามันคิดอะไรไม่ค่อยออกสู้สมองที่นิ่งสงบดึงลมหายใจเข้าลึกๆ ปล่อยลมหายใจออกยาวๆ ทำสติให้มั่นคง ตรงนี้จะทำให้แสดงออกถึงความเป็นชาวพุทธที่เหมาะสม แต่มันก็ยากสำหรับคนที่ส่วนใหญ่พอเห็นเขาร้องก็จะร้องตามเขาไป อันนี้เป็นเรื่องที่ฝึกซะหน่อย ถ้ามีการฝึกก็น่าจะเป็นไปได้ ทุกอย่างอยู่ที่การฝึก พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า มนุษย์ที่ฝึกดีแล้วย่อมเจริญ ผู้เจริญได้ ประเสริฐได้ต้องผ่านการฝึก ถ้าไม่มีการฝึกอยู่ๆจะให้นิ่งเลยทีเดียวคงจะยาก

แต่ถ้าฝึกไว้สักนิดหนึ่งว่า เราจะไม่เศร้าโศกเหมือนตอนคุณขนิษฐา พุฒตาล น้องสาวคุณดำรง พุฒตาล เสียชีวิต พ่อแม่เขาไม่โศก ไม่ร้อง ซึ่งเขาตอบตามหลักศาสนาว่า ขนิษฐาเป็นคนของอัลลอฮ์  ซึ่งอัลลอฮ์ ส่งให้มาเลี้ยงดูในวัย 30 กว่าปี แล้วอัลลอฮ์  เอากลับไป จะไปร้องทำไม อันนี้เขาทำได้อย่างชนิดที่ว่า มีหลักศาสนาอยู่ ให้เชื่อว่า เป็นบุตรของอัลลอฮ์  ไม่ใช่ของตัว ไม่ยึดอะไรมาเป็นตัวตนของตน ที่เราร้อง เพราะว่า เรารู้สึกว่า เป็นลูกเรา หลานเรา

ถึงแม้ว่า นายกฯแพทองธาร ชินวัตร จะน้ำตาคลอ ส่วนหนึ่งก็ต้องคิดว่า นี่ถ้าเป็นลูกเราล่ะ ก็หวังว่า คงไม่ทะเลาะกันว่า ใครจะร้องหรือไม่ร้อง แต่ขอฝากว่า อย่าร้องไห้มากเกินไป มันจะมีแต่บรรยากาศโศกเศร้า ไม่สงบใจอยู่กับสถานการณ์ให้ดี

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login