- อย่าไปอินPosted 2 days ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 4 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 6 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
เปิดตัวชุดนิทาน “เด็กปลอดพอด” ภูมิคุ้นกันปกป้องสมอง-คุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชน
หมอประกิตแจงทั่วโลกพบเด็กเสียชีวิต สาเหตุจากควันบุหรี่-บุหรี่ไฟฟ้ามือสอง มือสาม 65,000 รายต่อปี หวั่นเป็นต่อปอดของเด็กที่กำลังเจริญเติบโต หมอเด็กย้ำเสริมความรู้ให้กับเด็กด้วยการอ่านนิทานก่อนวัยอนุบาลด้วย ชุดนิทานเตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้า “เด็กปลอดพอด” มุ่งสร้างภูมิคุ้มกันรู้เท่าทัน ปกป้องสมอง-คุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชนทุกคน
หมอประกิตแจงเด็กทั่วโลกได้รับผลกระทบจากไอบุหรี่ไฟฟ้ามือสอง
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า สถิติจากองค์การอนามัยโลก พบว่า ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตสาเหตุจากการเสพบุหรี่ปีละ 8 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นเด็กซึ่งเป็นผลมาจากบุหรี่มือสองและสามถึง 65,000 ราย สถานการณ์การระบาดบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชนเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะกลุ่มผู้เสพหน้าใหม่ที่เป็นเด็กมีอายุน้อยลง จากงานวิจัยติดตามวัยรุ่นที่ได้รับไอบุหรี่ไฟฟ้ามือสอง และการเกิดอาการผิดปกติของทางเดินหายใจในสหรัฐอเมริกา 2,097 คน อายุเฉลี่ย 17 ปี ระหว่างปี 2557 กับ ปี 2562 ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ Thorax ชี้ชัดว่า การได้รับควันบุหรี่ไฟฟ้ามือสองมีโอกาสการเกิดหลอดลมอักเสบ และหายใจลำบาก โดยกลุ่มวัยรุ่นได้รับไอบุหรี่ไฟฟ้ามือสองเพิ่มขึ้นจาก 11.7% เป็น 15.6% กลุ่มตัวอย่างที่ได้รับไอบุหรี่ไฟฟ้ามือสอง มีอัตราการหายใจมีเสียงวี้ดในปอด แสดงถึงอาการรูหลอดลมเล็กลง จากการเกร็งของกล้ามเนื้อหลอดลม สาเหตุจากการระคายเคืองจากสารเคมีในไอบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มจาก 12.3% เป็น 14.9% มีอาการหลอดลมอักเสบเพิ่มจาก 19.5% เป็น 26% มีอาการหายใจไม่สะดวกเพิ่มจาก 16.5% เป็น 18.1%
“ความสัมพันธ์ของการเกิดอาการผิดปกติของทางเดินหายใจจากการได้รับไอบุหรี่ไฟฟ้ามือสอง จะยิ่งชัดเจนในคนที่ไม่สูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าเลย แสดงว่าไอบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายต่อคนใกล้ชิดอย่างแน่นอน ซึ่งในหลายประเทศมีการรณรงค์ถึงอันตรายของไอบุหรี่ไฟฟ้ามือสอง โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่ปอดอยู่ในระหว่างการเจริญเติบโต จะได้รับอันตรายรุนแรงกว่าเด็กโตหรือในผู้ใหญ่” ศ.นพ.ประกิต กล่าว
ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า สำหรับชุดนิทานเด็กชุดนี้ คลุมถึงบุหรี่ไฟฟ้าทั้งหมด ซึ่งในปี 2564 มีคนไทย 21 ล้านคน ไม่รู้จักบุหรี่ไฟฟ้า จะนำไปสู่ความไม่รู้ เมื่อมีเด็กหรือคนในครอบครัวสูบบุหรี่ไฟฟ้าจึงไม่รู้ หนังสือนิทานชุดนี้จึงเป็นประโยชน์มากที่จะนำความรู้ไปให้แก่เด็ก ซึ่งการอ่านนิทานให้เด็กฟังทำให้ผู้ใหญ่ที่ไม่รู้จำนวน 21ล้านคน ได้รู้ ดังนั้นสงครามนี้จะชนะไม่ได้ ถ้าไม่มีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน เพื่อเปลี่ยนค่านิยมการสูบบุหรี่ไม่ให้เกิดนักสูบหน้าใหม่และทำให้คนที่ติดบุหรี่เลิกสูบ
นิทานชุดเด็กปลอดพอดเครื่องมือสื่อสารการรู้เท่าทันภัยบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สถานการณ์การสูบบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้าตัวเลขของเยาวชนไทยอายุ 10-19 ปี กว่าครึ่ง หรือ 53% ที่สูบบุหรี่ จะมีภาวะซึมเศร้า โดยเด็กที่เคยลองสูบบุหรี่ไฟฟ้า มีแนวโน้มจะป่วยโรคซึมเศร้าสูงขึ้น 2 เท่า สอดคล้องกับผลสำรวจการบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบในเยาวชนไทย (Global Youth Tobacco Survey : GYTS ปี 2565) โดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล องค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (Centers for Disease Control and Prevention : CDC) พบว่าเด็กนักเรียนอายุ 13-15 ปี สูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึง 5.3 เท่า จาก 3.3% ในปี 2558 เป็น 17.6% ในปี 2565 แม้ไทยมีกฎหมายห้ามนำเข้าและจำหน่าย ห้ามสูบบุหรี่ไฟฟ้าในสถานที่สาธารณะ แต่จำนวนผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าหน้าใหม่กลับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สาเหตุจากการตลาดของผู้ผลิตและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าที่ดึงดูดใจเด็กและเยาวชนให้เข้าถึงได้ง่าย ทั้งภาพลักษณ์ที่ทันสมัย แปลกใหม่ และหาซื้อได้ง่ายบนช่องทางออนไลน์
“การเปิดตัวชุดนิทานเตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้า ชื่อว่า เด็กปลอดพอด เพื่อเป็นเครื่องมือสื่อสารการรู้เท่าทันภัยบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเนื้อหาได้รับการสนับสนุนจากนักเขียน นักวาด และผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างสรรค์หนังสือภาพสำหรับเด็กร่วมผลิตขึ้น นำเสนอผ่าน 7 เรื่องราว ที่เน้นย้ำว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีผลโดยตรงต่อผลสุขภาพจิต เสี่ยงป่วยโรคซึมเศร้า ทำลายสมอง และคุณภาพชีวิตทุกด้าน สสส. มุ่งกระตุ้นสังคมและผู้แวดล้อมเด็กให้ได้ใช้หนังสือชุดนี้สื่อสารกับเด็กช่วงปฐมวัยและประถมศึกษาได้เรียนรู้และเฝ้าระวังภัยบุหรี่ไฟฟ้า ช่วยสร้างเสริมสุขภาวะที่ดีให้แก่เด็กและเยาวชน ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถเปิดอ่านและดาวน์โหลดฟรีได้ที่เว็บไซต์ www.happyreading.in.th” นพ.พงศ์เทพ กล่าว
นิทานความรู้เป็นอาวุธสำคัญให้เด็กรู้ทันบุหรี่ไฟฟ้า
ศ.พญ.สุวรรณา เรืองกาญจนเศรษฐ์ กุมารแพทย์และรองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า การระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าเริ่มเพิ่มมากขึ้นในปี 2566-2567 ที่ระบาดมากขึ้นในกลุ่มเยาวชนชั้นมัธยม เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตบุหรี่มวนมีจอดจำหน่ายลดลง จึงทำให้บริษัทผู้ผลิตต้องผลิตสินค้าตัวใหม่ขึ้นมา ซึ่งกลุ่มคนที่สูบยังเป็นกลุ่มเดิมจึงต้องมีการเพิ่มกลุ่มเป้าหมายใหม่ นั่นคือนักสูบหน้าใหม่ บุหรี่ไฟฟ้าจึงมาในรูปแบบใหม่ๆ เป็นแฟชั่นเอาไว้ล่อหลอกลวงเยาวชน แต่เมื่อยอดขายไม่ได้ตามต้องการ ทอยพอดจึงเกิดขึ้นเพื่อล่อเด็กที่อายุน้อยลง ที่พร้อมขายให้กับเด็กที่ชอบตุ๊กตา นั่นหมายถึงเด็กที่มีอายุน้อยลง มันจึงระบาดมาถึงกลุ่มเด็ก
ศ.พญ.สุวรรณา กล่าวว่า ทอยพอดที่ขึ้นชื่อเกิดขึ้นที่ประเทศไทย แล้วเราจะยอมให้ทอยพอดมันทำลายลูกหลานของเราหรือ เมื่อยุคเปลี่ยนไปสมัยก่อนเลี้ยงลูกด้วยมือถือพอมาตอนนี้เลี้ยงลูกด้วยพอดตามที่เป็นข่าว ซึ่งเด็กจะมีอาการสงบอยู่นิ่ง แต่มันจะกลายเป็นสึนามิภายในปัญหาสุขภาพของเด็ก โดยเฉพาะสมอง เพราะมันทำลายสมองส่วนหน้าที่ถูกทำลาย ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะยับยั้งทอยพอด เราต้องทำให้เด็กของเรามีความรู้เท่าทัน เราจึงต้องสู้ด้วยนิทาน เราจะทำอย่างไรให้เรามีเครื่องมือทำให้เด็กๆที่ก่อนจะถึงประถม 1 ที่มีการระบาดของบทอยพอดแล้ว เราจึงต้องมีการป้องกันก่อน การให้ความรู้ในวัยอนุบาลอาจไม่พอแล้ว เราต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กๆตั้งแต่อายุยังน้อย
การป้องกันการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กปฐมวัยและประถมศึกษา ต้องเริ่มต้นด้วยการเสริมทักษะความรู้ให้เท่าทัน ผ่านการสอนที่เหมาะสมกับวัยและพัฒนาการของเด็ก ก่อนที่เด็กจะไปเรียนรู้ด้วยตัวเองอย่างผิดๆ จากเนื้อหาที่ไม่ถูกต้องบนสื่อออนไลน์ นอกจากนี้ ปัจจุบันผู้ปกครองบางคนให้ลูกทดลองสูบบุหรี่ไฟฟ้าตั้งแต่อายุ 1 ขวบ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ในบุหรี่ไฟฟ้ามีสารนิโคตินซึ่งเป็นสารเสพติดที่มีฤทธิ์สูงสุด เมื่อพลาดไปลองแล้ว จะเสพติดแก้ไขไม่ทัน ทั้งนี้ ชุดสื่อนิทานเตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้าที่ สสส. ได้สนับสนุนพัฒนาขึ้น จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยผู้ปกครองให้สามารถสอนลูกๆ ได้อย่างสะดวก เหมาะสมต่อพัฒนาการเด็ก และทันต่อสถานการณ์บุหรี่ไฟฟ้าในปัจจุบัน ศ.พญ.สุวรรณา กล่าว
นิทานเสริมสร้างความรู้และความสัมพันธ์ในครอบครัว
นางสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานยุทธศาสตร์สร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. กล่าวว่า ชุดนิทานเด็กปลอดพอด เป็นการรวบรวมนักเขียน นักวาดชั้นครู เพื่อมารวมพลังที่อยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลง และช่วยให้หน่วยงานต่างๆเห็นถึงภัยคุกคามถึงเด็กๆของเราไม่ใช่เฉพาะแค่เยาวชนเท่านั้น ดังนั้นถ้ารู้จักวิธีป้องกันและใช้สื่อที่เหมาะสมกับวัยมันจะส่งพลังในการสร้างเสริมพฤติกรรมสุขภาพเด็ก เราจึงได้ออกแบบชุดนิทานสมุดภาพออกมา โดยเราจะสังเกตพฤติกรรมของเด็กผ่านการสังเกต พูดคุย
หนังสือภาพหรือนิทานทำหน้าที่สำคัญ คือ ตอบสนองความต้องการ ความสนใจ และธรรมชาติของเด็ก ทำให้สนุกสนาน เพลิดเพลิน ผ่อนคลายอารมณ์ และกระตุ้นการเรียนรู้ ช่วงเวลาเพียงไม่กี่นาทีที่พ่อแม่ ผู้แวดล้อมเด็ก ชี้ชวนอ่านหนังสือให้ฟัง จะเกิดการถักทอสายสัมพันธ์ระหว่างครอบครัว ระหว่างเด็กกับผู้อ่านเพิ่มขึ้น หากได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันจากคำถาม ความช่างสงสัย ไม่เพียงจะเป็นช่วงเวลาทองของเด็ก แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่พ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู สามารถให้ความรู้ ข้อคิด และปลูกฝังสิ่งดีงามให้กับเด็กได้อีกด้วย
ชุดนิทานเตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้า “เด็กปลอดพอด”
ชุดนิทานเตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้า “เด็กปลอดพอด” มีทั้งหมด 7 เล่ม เป็น หนังสือสำหรับกลุ่มเด็กอายุ 3-6 ปี 4 เรื่อง ได้แก่ “อีเล้งเค้งโค้งพับปลอดพอด” และ “หูไวตาไว” เรื่องและภาพ: ครูชีวัน วิสาสะ, “ชัยชนะของแมวน้อย” เรื่องและภาพ : ปรีดา ปัญญาจันทร์ เขียนคำ : ระพีพรรณ พัฒนาเวช, “ขบวนการปราบทอยพอด” เรื่อง : แพทย์หญิงปุษยบรรพ์ สุวรรณคีรี ภาพ : พัชรา พันธุ์ธนากุล และหนังสือนิทานภาพสำหรับกลุ่มเด็กอายุ 7 ปีขึ้นไป มี 3 เรื่อง คือ “มาร์สแมนกับยายเช้า ตอน ปราบปีศาจบุหรี่ไฟฟ้า” เรื่องและภาพ : ศ.เกริก ยุ้นพันธุ์ “เด็กชายกับสหายผู้ปกป้อง” เรื่อง : ระพีพรรณ พัฒนาเวช ภาพ : วชิราวรรณ ทับเสือ กฤษณะ กาญจนาภา, “ความลับของบริษัทดำมืด” เรื่อง : ชัยฤทธิ์ ศรีโรจน์ฤทธิ์ ภาพ : ชาญศิลป์
กิตติโชติพาณิชย์ หนังสือทุกเล่มออกแบบให้สอดคล้องกับการทำงานสร้างเสริมพลังจิตใต้สำนึกให้เข้มแข็ง รู้เท่าทันภัยบุหรี่ที่คุกคามสุขภาพ หรือ หากสนใจใช้งานชุดนิทานสามารถเปิดอ่านและดาวน์โหลดได้ทาง www.happyreading.in.th หรือโทรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ฝ่ายสื่อสาร แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. เบอร์ 02-424-4616 และ 080-259-0909
You must be logged in to post a comment Login