- “ทักษิณ” ยังมีมนต์ขลังPosted 4 hours ago
- อย่าไปอินPosted 3 days ago
- ปีดับคนดังPosted 4 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 5 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 6 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 1 week ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 2 weeks ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
สสส. เปิดพื้นที่กลางกรุงฯ ชวนทุกคนรับฟัง เสียงที่สังคม ‘หลงลืม’ลดความเหลื่อมล้ำ
“FACE THE VOICE มองด้วยตา ฟังด้วยใจ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” สสส. เปิดพื้นที่กลางกรุงฯ สานพลังภาคี 9 ประชากรกลุ่มเฉพาะ ชวนทุกคนรับฟัง เสียงที่สังคม ‘หลงลืม’ หนุนเสริมศักยภาพ ลดการตีตรา ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมทางสุขภาพ สู่สังคมที่เคารพในความแตกต่างอย่างแท้จริง
วันที่ 25 พ.ย. 2567 นางภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กล่าวว่า สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดงาน ‘FACE THE VOICE’ มองด้วยตา ฟังด้วยใจ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ภายใต้โครงการพัฒนาการสื่อและขีดความสามารถของภาคีในการผลิตสื่อ เพื่อสร้างความตระหนักและสร้างการมีส่วนร่วม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพของกลุ่มประชากรเฉพาะ มีเป้าหมายในการลดอคติ สร้างความตระหนักและความเข้าใจของสังคมทุกระดับ และสร้างความเป็นธรรมทางสุขภาพให้ประชากรกลุ่มเฉพาะทั้ง 9 กลุ่ม ได้แก่ 1.ผู้สูงอายุ 2.คนพิการ 3.คนไร้บ้าน 4.แรงงานนอกระบบ 5.ประชากรข้ามชาติ 6.คนที่มีความหลากหลายทางเพศ 7.ผู้ต้องขัง 8.กลุ่มชาติพันธุ์ 9.มุสลิม โดยการร่วมกับทีมสื่อมืออาชีพ และภาควิชาการ พัฒนาการสื่อสารให้เกิดการสื่อสารสาธารณะ ที่เป็นพื้นฐานสำคัญต่อการขับเคลื่อนทางนโยบายและการเปลี่ยนแปลงสังคม
นางภรณี กล่าวต่อว่า สำหรับงาน‘FACE THE VOICE’ มองด้วยตา ฟังด้วยใจ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เป็นการนำเสียงของประชากรกลุ่มเฉพาะที่ต้องเผชิญกับปัญหาและอคติที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการถูกกระทำความรุนแรง การถูกเลือกปฏิบัติ การเข้าไม่ถึงสิทธิต่างๆ มาสื่อสารผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น มองด้วยตาผ่านผลงานในนิทรรศการ ฟังเสียงของผู้ไม่มีเสียงในสังคมผ่านวงทอล์ก ฟังเสียงของความหลากหลายในการแสดงและเครื่องดนตรีพื้นบ้าน ฟังเสียงประสบการณ์ที่แตกต่างในหนังสารคดี และฟังวิธีการส่งเสียงภายในใจตัวเองผ่านกิจกรรมเวิร์กชอป เพื่อสื่อสารกับทุกคนให้เข้าใจถึงอคติที่คนกลุ่มนี้ต้องเผชิญ นำมาสู่การลดการตีตรา ส่งเสริมให้เข้าถึงการมีงานทำ มีที่อยู่อาศัย มีระบบสวัสดิการที่ครอบคลุม เข้าถึงสิทธิต่างๆ โดยให้มองและปฏิบัติต่อกันในฐานะเพื่อนมนุษย์ไม่มีการสงเคราะห์ ไม่ใช่การช่วยเหลือ แต่ผลักดันให้เข้าถึงโอกาส และสวัสดิการพื้นฐานที่พึงจะได้รับ
“ความต่างคือความหลากหลาย และความหลากหลายคือพลัง การสื่อสารเพื่อหาแนวร่วมก็เป็นอีกเครื่องมือสำคัญในการเสริมพลัง และสร้างการเปลี่ยนแปลง ซึ่งประชากรกลุ่มเฉพาะไม่ได้มีอะไรต่างจากคนทั่วไป อยากกินอิ่ม นอนอุ่น มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และพึ่งพาตนเองได้ เพื่อไม่ให้ต้องมีใครอยู่ข้างหลังอีกต่อไป” นางภรณีกล่าว
You must be logged in to post a comment Login