- เลือกงานให้โดน บริหารคนให้เป็น ตาม“ลัคนาราศี”Posted 18 hours ago
- ต่างศาสนา ต่างชาติพันธุ์ อยู่ร่วมกันภายใต้ความแตกต่างPosted 18 hours ago
- โลภ•ลวง•หลง เกมพลิกชีวิต รีแบรนด์หรือรีบอร์นPosted 18 hours ago
- กูไม่ใช่ไก่ต้มเว้ย! อย่ามาต้มกูเลย..Posted 19 hours ago
- หยุดความรุนแรง-ลวงโลกPosted 2 days ago
- อ.เบียร์ช่วยวัดสวนแก้วPosted 5 days ago
- เลิกเสียเงินกับเรื่องโง่ๆPosted 6 days ago
- ปัญหายาเสพติดวาระแห่งชาติPosted 7 days ago
- แก่อย่างไม่มีคุณค่าPosted 1 week ago
- “ทักษิณ” ยังมีมนต์ขลังPosted 1 week ago
สังคมไทยชินชากับเรื่องโกหก ภายใต้ความ “โลภ•กลัว•เหงา”
กองบรรณาธิการโลกวันนี้ ขอขอบคุณผู้อ่านและสปอนเซอร์ผู้สนับสนุนเรามาตลอดเวลา 25 ปี จนถึงปีนี้เป็นปีที่เราก้าวสู่ปีที่ 26 อีกครั้ง
ปัจจุบันท่านสามารถติดตามสื่อของโลกวันนี้ได้ทางโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น ช่อง YouTube โลกวันนี้ LokWanNee , Facebook โลกวันนี้ และเว็บไซต์ www.โลกวันนี้.com
ในระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา เราต้องยอมรับว่าในช่วงหลายปีหลังๆ เทคโนโลยีและโซเชียลมีเดียกระจายครอบคลุมทุกพื้นที่ และแทบทุกคนต้องใช้เทคโนโลยีเพื่อการดำรงอยู่ในชีวิต
ข่าวเรื่องการหลอกลวงต้มตุ๋น ไม่ว่าจะเป็นการหลอกลวงโดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมิจฉาชีพ และรวมถึงการหลอกลวงในธุรกิจที่เป็นข่าวใหญ่แห่งปีคือ ดิไอคอนกรุ๊ป การหลอกลวงฉ้อโกง แชร์ลูกโซ่ การหลอกลวงให้หลงเชื่อผ่านวิธีการต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย
หน่วยงานของรัฐโดยเฉพาะฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกมาเตือนประชาชน ให้ระมัดระวังการหลอกลวงใน 3 ประเด็นหลัก คือ ความโลภ ความกลัว และความเหงา
ความโลภ คือ การทำให้อยากได้ในสิ่งที่ไม่มีหรือมีมากขึ้น ความกลัว คือ ขู่ให้กลัวในเรื่องที่เราเคยทำผิด หรือพูดให้รู้สึกว่าผิด หรืออาจจะเข้าใจว่าอาจทำผิดมาก่อน และความเหงา คือ อาศัยความเหงาของคนในวัยต่างๆ ที่ต้องการคนรัก คนดูแลเอาใจใส่ จึงหลอกให้หลงเชื่อจนสูญเสียทรัพย์สินอย่างง่ายดาย
โซเชียลมีเดียจึงเป็นดาบสองคม ที่แม้ก่อให้เกิดประโยชน์มากมาย ขณะเดียวกันก็เป็นช่องทางของมิจฉาชีพ ที่อาศัยช่องทางนี้เข้ามาหลอกลวง
การถูกโกหก หลอก หรือต้มตุ๋น ยังคงมีต่อไปด้วยรูปแบบใหม่ๆ เสมอๆ ดังนั้น จึงไม่มีอะไรดีไปกว่าการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตนเอง ด้วยหลักธรรมข้อแรก คือ “อัตตา หิ อัตตโน นาโถ” ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
ยิ่งในสังคมไทยยุคที่คนดีเต็มบ้านเต็มเมือง เราต้องยิ่ง “เอ๊ะ! คนดี” ให้มากกว่าปกติ เพราะคนไหนมาไม่ดี เราตั้งท่ารับมืออยู่แล้ว แต่ถ้ามาในคราบ “คนดี” คนธรรมะธรรมโม เรายิ่งต้องยึดหลักกาลามสูตร อย่าเชื่อเพราะคิดว่าเขาเป็นคนดี อย่าเชื่อเพียงเพราะเขาเป็นครูบาอาจารย์ และอย่าเชื่อแม้กระทั่งพระ
คนไทยไม่ควรเฉยเมยและชินชากับเรื่องโกหก จนยอมรับกลายเป็นเรื่องปกติของสังคมไทย
หมดเวลายกย่อง กราบไหว้ คนที่กะล่อน เอาเปรียบคนอื่น คนที่เห็นแก่ตัว คนที่ร่ำรวยมาจากธุรกิจสีเทา และชื่นชมว่าเป็น “ศรีธนญชัย” ถึงเวลาที่สังคมไทยต้องตั้งสติ และก้าวข้ามความเคยชิน ที่ยอมปล่อยคนผิดให้ลอยนวลเหมือนที่ผ่านมา
ขอยืมหลักธรรมคำสอนที่ว่า ก่อนจะเชื่ออะไร ต้องพิสูจน์ว่า “เชื่อแล้วทุกข์ลดลง จึงค่อยปลงใจเชื่อ” มาเตือนใจอีกครั้ง
ขอให้ทุกท่านอยู่รอดปลอดภัย และพบแต่สิ่งที่ดี พบแต่คนดีๆ ที่ดีจริงๆ (จริงๆ)
กองบรรณาธิการ
“โลกวันนี้”
You must be logged in to post a comment Login