วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2567

กำเนิดมนุษย์ในโลกนี้

On December 6, 2024

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 6 ธ.ค. 67)

คัมภีร์กุรอานและคัมภีร์ไบเบิลกล่าวตรงกันว่ามนุษย์คนแรกถูกสร้างมาจากดินที่ไม่มีชีวิตและถูกทำให้เป็นรูปร่างก่อน  เมื่อพระเจ้าเป่าวิญญาณเข้าไป  ดินที่เป็นรูปร่างก็กลายเป็นมนุษย์ที่ประกอบด้วยร่างกายและวิญญาณ  หลังจากนั้น พระเจ้าจึงได้ประทานสติปัญญาและความสามารถต่างๆให้

แต่เมื่ออาดัมและอีฟถูกส่งมายังโลกนี้เพื่อสืบทอดเผ่าพันธุ์มนุษย์ตามประสงค์ของพระเจ้า ลูกของอาดัมที่เป็นมนุษย์มีกระบวนการเกิดที่ต่างไปจากอาดัมและอีฟ

อาดัมกับอีฟเป็นผู้ให้กำเนิดมนุษย์บนโลกใบนี้โดยการมีความสัมพันธ์ทางเพศที่เกิดขึ้นจากการที่พระเจ้าได้ให้ทั้งสองเป็นคู่สามีภรรยากันแล้ว เพราะในเวลานั้นไม่มีใครในโลกมาทำหน้าที่แต่งงานให้แก่คนทั้งสอง  บันทึกในคัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่าอาดัมกับอีฟมีลูกด้วยกันสามคน คือ กอบีล ฮาบีลและเซธ

นบีมุฮัมมัดได้รับรู้ถึงกระบวนการแพร่ขยายเผ่าพันธุ์มนุษย์จากมนุษย์ด้วยกันเมื่อประมาณ 1,400 ปีที่แล้วเมื่อท่านได้รับการเปิดเผยจากพระเจ้าดังนี้

“พระองค์ทรงเริ่มต้นการสร้างมนุษย์มาจากดิน หลังจากนั้น  ก็ทรงแผ่ลูกหลานของเขาออกไปจากสิ่งที่ออกมาจากน้ำอันน่ารังเกียจ  หลังจากนั้นได้ทรงทำให้เขาเป็นรูปร่าง และทรงเป่าวิญญาณเข้าไปในตัวเขา และพระองค์ได้ประทานหู ตาและหัวใจแก่พวกเขา แต่กระนั้นก็น้อยนักที่สูเจ้าจะขอบคุณ (กุรอาน 32:7-9)

และในอีกตอนหนึ่ง  คัมภีร์กุรอานได้เปิดเผยให้รู้ถึงพัฒนาการของทารกมนุษย์ขณะอยู่ในครรภ์มารดาว่า

“แล้วเราได้ทำให้เขาเป็นเชื้ออสุจิในที่พักอันมั่นคง(มดลูก)  แล้วเราได้ทำให้อสุจิเป็นก้อนเลือด ก้อนเนื้อ แล้วทำก้อนเนื้อให้เป็นกระดูกแล้วหุ้มกระดูกนั้นด้วยเนื้อ แล้วเราได้เป่าวิญญาณให้เขากลายเป็นอีกรูปร่างหนึ่ง”  (กุรอาน 23:14)

ข้อความดังกล่าวข้างต้นปรากฏในคัมภีร์กุรอานที่ถูกประทานแก่นบีมุฮัมมัดผู้ไม่รู้หนังสือ  มนุษย์เพิ่งมารู้ความจริงของชีวิตในครรภ์เมื่อวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางการแพทย์เริ่มเจริญก้าวหน้าเมื่อประมาณหนึ่งร้อยกว่าปีนี้เอง

คัมภีร์กุรอานยังกล่าวถึงการปฏิสนธิและพัฒนาการของทารกมนุษย์ในครรภ์ไว้อีกตอนหนึ่งว่า “พระเจ้าสร้างมนุษย์มาจาก “อะลัก” (ก้อนเลือดที่เกาะติดอยู่กับมดลูก)  อะลักนี้เกิดขึ้นจากการปฏิสนธิกันระหว่างเชื้ออสุจิของฝ่ายชายและไข่ของผู้หญิง  เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม  พระเจ้าจึงส่งวิญญาณมาปฏิสนธิกับก้อนอะลักที่ค่อยๆทำให้มนุษย์มีตัวตนที่เรียกว่า “นัฟสฺ”

ไม่เพียงเท่านั้น  นบีมุฮัมมัดผู้ไม่รู้หนังสือยังได้บอกถึงการลิขิตชีวิตมนุษย์ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ด้วยว่า

“วิธีการที่พวกท่านแต่ละคนถูกสร้างมาก็คือ ท่านได้ถูกรวมเข้าไว้ในรังไข่ของแม่เป็นเวลาสี่สิบวันในตอนที่เป็นเชื้ออสุจิ หลังจากนั้น  ในระยะเวลาเท่าๆกันก็เป็นก้อนเลือด และหลังจากนั้นก็เป็นก้อนเนื้อในเวลาเท่าๆกัน  หลังจากนั้น  ทูตสวรรค์(มลาอิก๊ะฮฺ)องค์หนึ่งจะถูกส่งมาเป่าวิญญาณเข้าไปในท่านและมีหน้าที่ทำตามคำบัญชาสี่ประการ นั่นคือ  กำหนดปัจจัยยังชีพของท่าน  ช่วงอายุของท่าน  การงานของท่าน

และท่านจะทุกข์หรือสุข””

ในคำพูดของนบีมุฮัมมัดอีกตอนหนึ่งได้ทำให้เรารู้ด้วยว่าเพศของมนุษย์ก็ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่มนุษย์เป็นทารกในครรภ์

การสร้างมนุษย์ในคัมภีร์กุรอานถูกประทานแก่นบีมุฮัมมัดโดยมีวัตถุประสงค์บางประการ คือ ในสมัยนั้น มีคนกลุ่มหนึ่งที่เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระเจ้าเพราะท่านถือกำเนิดอย่างมหัศจรรย์โดยไม่มีพ่อ แต่มีแม่(คือนางมารีย์) คัมภีร์กุรอานจึงต้องการจะบอกคนเหล่านั้นว่าถ้าจะเอาการกำเนิดอันมหัศจรรย์มาเป็นเหตุผลในการยกสถานะพระเยซูเป็นพระเจ้าแล้ว  การกำเนิดของอาดัมไม่มหัศจรรย์ยิ่งกว่าหรือ เพราะอาดัมเกิดมาโดยไม่มีทั้งพ่อและแม่

นอกจากนี้แล้ว  คัมภีร์กุรอานยังต้องการบอกมนุษย์ในยุคที่มีความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างมนุษย์ และถ้ามีการศึกษาแล้วยังไม่เชื่อในเรื่องโลกหน้า  มนุษย์ก็ไม่ต่างจากทารกในครรภ์ที่มองไม่เห็นโลกนอกครรภ์แม่


You must be logged in to post a comment Login