วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2567

โลกคือสนามทดสอบ

On December 20, 2024

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 20 ธ.ค. 67)

หลักสูตรนักทำลายใต้น้ำของกองทัพเรือเป็นหลักสูตรสุดโหดที่ใช้คัดเลือกทหารที่มีความแข็งแกร่งทางด้านร่างกายและจิตใจเพื่อเป็นยอดทหารในหน่วยรบพิเศษ   คนที่สมัครเข้าฝึกอบรมในหลักสูตรนี้รู้ดีล่วงหน้าว่าตัวเองจะต้องถูกทดสอบสมรรถนะอย่างสุดโหดเพียงใด  แต่มีน้อยคนที่ผ่านการฝึกอบรม

คนที่ผ่านการฝึกหลักสูตรนี้จะได้รับการติดเครื่องหมายฉลามขาวซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของกองทัพเรือไทย   ได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าทหารทั่วไป และเพื่อนที่ฝึกรุ่นเดียวกันให้ความนับถือ

ถ้ากองทัพต้องการทหารชั้นดีฉันใด  พระเจ้าผู้สร้างมนุษย์ก็ต้องการมนุษย์ชั้นดีฉันนั้น หลักสูตรนักทำลายใต้น้ำมีสนามทดสอบจำกัดอยู่ในบางพื้นที่และมีเวลาจำกัด  แต่สนามทดสอบสำหรับมนุษย์โดยเฉพาะผู้ศรัทธาในพระเจ้ามีขึ้นในทุกสถานที่ ทุกเวลา  ทุกสถานการณ์ทั้งดีและร้าย  ใครท้อเป็นถ่าน ใครผ่านเป็นเพชร

กองทัพเรือทดสอบสมรรถนะทางด้านร่างกายของทหารชั้นดีไว้เพื่อประจำการในกองทัพฉันใด พระเจ้าก็ต้องการทดสอบบ่าวผู้ศรัทธาเพื่อคัดสรรมนุษย์ที่ดีเลิศไว้ในอาณาจักรของพระองค์(สวนสวรรค์)ฉันนั้น  มนุษย์ที่ดีเลิศที่สุดในสายตาของพระเจ้าคือผู้ศรัทธาและเชื่อฟังพระองค์

คัมภีร์กุรอานกล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ชัดเจนว่า “แน่นอน เราจะทดสอบสูเจ้าด้วยความกลัว  ความหิว และการสูญเสียทรัพย์สิน ชีวิตและพืชผล  จงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้อดทน  บรรดาผู้ที่เมื่อมีเคราะห์กรรมเกิดขึ้นกับพวกเขา  พวกเขากล่าวว่า ‘แท้จริง เราเป็นของพระเจ้าและยังพระองค์ที่เราจะกลับไป’  คนเหล่านี้แหละที่จะได้รับความจำเริญและความเมตตาจากพระเจ้าของพวกเขา และพวกเขาเหล่านี้แหละที่เป็นผู้อยู่บนหนทางที่ถูกต้อง”  (กุรอาน 2:155-157)

ข้อความจากคัมภีร์กุรอานดังกล่าวข้างต้นถูกประทานลงมาในตอนที่นบีมุฮัมมัดและมุสลิมอพยพออกจากเมืองมักก๊ะฮฺมายังมะดีนะฮฺในสภาพตกทุกข์ได้ยาก อีกทั้งมีศัตรูภายนอกและภายในคอยจ้องที่จะทำลาย  ท่ามกลางสภาวะดังกล่าวนี้เองที่พระเจ้าต้องการจะทดสอบความเชื่อฟังของผู้ที่กล่าวว่าศรัทธาในพระองค์

ไม่มีมนุษย์คนใดต้องการให้เคราะห์กรรม  ความทุกข์ยากลำบากหรือความสูญเสียเกิดขึ้นกับตน  แต่เมื่อพระเจ้ากำหนดให้มันเกิดขึ้นในฐานะบททดสอบ  มุสลิมจึงถูกสอนให้ยอมรับความจริงด้วยการกล่าวว่า “แท้จริง เราเป็นของพระเจ้าและยังพระองค์ที่เราต้องกลับไป”

การกล่าวถ้อยคำดังกล่าวเป็นการเตือนสติตัวเองว่าชีวิตของเรามิใช่ของเรา  แต่เป็นของพระเจ้า  ดังนั้น พระองค์จะทำอย่างไรกับฃีวิตของเราก็ได้เช่นเดียวกับที่เราจะทำอะไรก็ได้กับสิ่งที่เป็นของเรา  ถ้ายอมรับความจริงนี้ได้ตั้งแต่แรก  สติจะอยู่กับตัวและปัญญาในการแก้ไขปัญหาจะเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม  เมื่อพระเจ้าต้องการทดสอบมนุษย์  พระองค์ก็ได้ประทานเฉลยข้อสอบมาให้แก่บ่าวผู้ถูกทดสอบด้วย   เฉลยข้อสอบนี้ถูกประทานมาในตอนที่มุสลิมต้องทำสงครามครั้งแรกกับผู้รุกรานและมีหลายคนต้องสูญเสียชีวิตในสนามรบ  สำหรับมนุษย์  ไม่มีการสูญเสียอะไรที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าการสูญเสียชีวิต

ในตอนนั้นเอง  พระเจ้าได้สั่งนบีมุฮัมมัดให้บอกมุสลิมผู้รอดชีวิตว่า “บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงขอความช่วยเหลือต่อพระเจ้าด้วยความอดทนและจงละหมาด เพราะพระเจ้าจะทรงอยู่กับบรรดาผู้อดทน  และจงอย่ากล่าวว่าบรรดาผู้ถูกฆ่าในหนทางของพระเจ้านั้นตาย ความจริงแล้ว พวกเขายังมีชีวิตอยู่ แต่สูเจ้าไม่รู้” (กุรอาน 2:153-154)

ถ้ากองทัพตระหนักว่าร่างกายที่เข้มแข็ง  ความทรหดอดทนและความไม่กลัวตายของทหารเป็นปัจจัยสำคัญในการรบและชัยชนะ  อิสลามก็ถือว่าศรัทธาที่เข้มแช็งจากการละหมาด  ความอดทนต่อบททดสอบและการถูกฆ่าหมายถึงการมีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จทั้งในโลกนี้และโลกหน้าฉันนั้น


You must be logged in to post a comment Login