- ให้รางวัลทางศีลธรรมบ้างPosted 13 hours ago
- เลิกเป็นทาสยาเสพติดPosted 2 days ago
- ต้องรู้ทันแก็งค์คอลเซ็นเตอร์Posted 5 days ago
- อวิชชาบังตาPosted 6 days ago
- รักษาราชประเพณีPosted 7 days ago
- สำนึกผิด โอกาสเป็นบัณฑิตได้Posted 1 week ago
- ระวังฟืนไฟให้ดีPosted 1 week ago
- ต้องควบคุมผัสสะให้ดีPosted 2 weeks ago
- วัดสวนแก้วจัดงานวันเด็กปี 68Posted 2 weeks ago
- ว่าด้วย “นิสมฺม กรณํ เสยฺโย”Posted 2 weeks ago
PhillipCapital เผย กลยุทธ์ลงทุนหุ้นไทย 2025 รับความท้าทายเศรษฐกิจไทย และ เศรษฐกิจโลก
PhillipCapital เปิดมุมมอง แนวโน้มเศรษฐกิจไทย 2025 พร้อมเผย กลยุทธ์ลงทุนหุ้นไทย เสริมแกร่ง หุ้นที่ไม่ควรพลาด ผ่านกลุ่มท่องเที่ยว, อุปโภค-บริโภค (ค้าปลีก), ฐานการผลิต – Data Center รวมถึงการลงทุนภาครัฐ และลดความเสี่ยงนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ-จีน ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจโลกผันผวนในปัจจุบัน พร้อมเผยหุ้นไทยที่น่าสนใจรับโอกาสเศรษฐกิจโตในปี 2568 นี้
เมื่อเร็วๆนี้ บริษัท หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PhillipCapital จัดงานสัมมนาพิเศษภายใต้หัวข้อ “Thai Stock Opportunity in Global Challenge พลิกเกมตลาดหุ้นไทย ท้าทายเศรษฐกิจโลก” เพื่อนำเสนอ กลยุทธ์ลงทุน หุ้นไทย และ วิเคราะห์ตลาดหุ้นไทย แนวโน้ม 2025 อย่างเจาะลึก งานสัมมนานี้จัดขึ้นเพื่อลูกค้าและนักลงทุนที่สนใจ การลงทุนหุ้นไทย โดยเฉพาะ มุ่งเน้นการเปิดมุมมอง ค้นหาโอกาสทอง และวางแผน กลยุทธ์การลงทุน หุ้นไทย 2025 อย่างครบวงจร นำทีมโดยนักวิเคราะห์มืออาชีพจาก PhillipCapital
ภายในสัมมนาได้รับเกียรติจาก คุณธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ พร้อมทีมนักวิเคราะห์จาก บล.ฟิลลิป มาร่วมแนะนำแนวทางการจัดพอร์ตสำหรับ หุ้นไทย ในปีนี้ โดยงานสัมมนาในครั้งนี้จัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ บริษัท หลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) ณ ห้องประชุมใหญ่ชั้น 2 อาคารวรวัฒน์ ถนนสีลม กรุงเทพมหานคร โดยภายในงานมีบรรยากาศที่คึกคักจากผู้เข้าร่วมจำนวนมากที่พร้อมเข้ารับฟังข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุน
หัวข้อการสัมมนาในครั้งนี้ประกอบไปด้วย
1. มุมมองเศรษฐกิจไทยปี 2025, ตลาดหุ้นไทย แนวโน้ม, และ โอกาสการลงทุน ที่คัดสรรโดยนักวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญ
2. ค้นหาหุ้นไทย 2025 ที่มีศักยภาพในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม (Sector) พร้อมแนวทางการบริหารความเสี่ยงใน สภาวะเศรษฐกิจโลกผันผวน
3. วิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค เพื่อจับ แนวโน้มตลาดหุ้นไทย และต่างประเทศ วางแผนลงทุนอย่างแม่นยำด้วยกราฟเทคนิค
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2025 และทิศทาง SET Index
คุณชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ, CISA หัวหน้าส่วนกลยุทธ์และเทคนิค ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัท หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน ได้ฉายภาพรวมมุมมอง และ แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ในเบื้องต้นว่า ดัชนีหุ้นไทย หรือ SET Index 2025 มีแนวโน้มปรับตัวขึ้น สอดรับไปกับภาพรวมของ เศรษฐกิจไทย ที่คาดว่าจะขยายตัวในอัตราที่เร่งขึ้นจากปี 2567 ในขณะที่ อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ของไทยมีโอกาสปรับลดลง 1 ครั้ง เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากกระบวนการลดภาระหนี้ (Debt deleveraging) รวมถึงความเสี่ยงด้านต่ำของเศรษฐกิจไทย ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
ทั้งนี้ SET Index ยังคงน่าสนใจสำหรับการลงทุน เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่า กำไรต่อหุ้น (EPS) ในปี 2568 มีแนวโน้มเติบโตขึ้นจากปี 2567 ในหลากหลายหมวดธุรกิจ อีกทั้ง ในเชิงการประเมินมูลค่าหุ้น ( Valuation ) อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) และอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าตามบัญชี (P/B) ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ประกอบกับส่วนต่างผลตอบแทน (Earning yield gap) ยังใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยในอดีต โดยทาง บล. ฟิลลิป คาดการณ์ว่า เป้าหมาย SET Index 2025 จะสามารถขึ้นไปถึงประมาณ 1,540 จุด ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสการลงทุนในหลักทรัพย์ที่สอดรับกับการขยายตัวของ เศรษฐกิจไทย ในปี 2568
หุ้นแนะนำ 2025 แยกตามกลุ่มอุตสาหกรรม
ด้าน “คุณอดิสรณ์ มุ่งพาลชล” หัวหน้าส่วนนักวิเคราะห์พื้นฐาน พร้อมทีมนักวิเคราะห์ของ บล. ฟิลลิป ในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ได้แนะ กลยุทธ์การลงทุน 2025 นี้ว่า นักลงทุนควรให้ความสำคัญในกลุ่มอุตสาหกรรมดังต่อไปนี้
1. หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว และ หุ้นกลุ่มอุปโภค-บริโภค (ค้าปลีก) ได้แก่ AOT และ CPALL
หุ้นท่องเที่ยว เด่น : AOT เนื่องจากอัตราการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง 26% เป็น 35.54 ล้านคน โดยในปี 2568 มีการตั้งเป้ายอดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 40 ล้านคน จึงเพิ่มโอกาสการเติบโตอีก 12.5%
หุ้นค้าปลีก น่าสนใจ : CPALL ด้านการจับจ่ายใช้สอย อาหารและของใช้จำเป็น ยังคงเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคแม้ในภาวะที่เศรษฐกิจฝืดเคือง รวมถึงมีปัจจัยบวกจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลได้แก่ โครงการลดหย่อนภาษี Easy E-receipt 2.0 และโครงการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 ในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2568 จะช่วยเป็นแรงผลักดันยอดขายและกำไรของอุตสาหกรรมนี้ในช่วงต้นปี 2568 ได้เป็นอย่างดี
2. หุ้น Data Center : การย้ายฐานการผลิตและการตั้งฐาน Data Center ได้แก่ AMATA และ GULF
หุ้น Data Center มาแรง: GULF และ หุ้นรับการย้ายฐานการผลิต: AMATA เมื่อปี 2567 กลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และกลุ่มดิจิทัลมีมูลค่าขอรับการส่งเสริมการลงทุนเติบโตขึ้น 52% รวมถึงทิศทางนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ จะทำให้รูปแบบการลงทุนเปลี่ยนไป โดยในอนาคต “จีน” จะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นส่วนน้อยเพื่อหลบหลีกการกีดกันทางการค้านี้ ซึ่งจะช่วยให้อุตสาหกรรมนี้ในเขตภูมิอาเซียนรวมถึงไทยได้รับอานิสงส์จากการเติบโตในครั้งนี้ไปด้วย
3. หุ้นรับการลงทุนภาครัฐ งบประมาณปี 2568 ได้แก่ CK และ KTB
หุ้นรับเหมาก่อสร้างน่าจับตา : CK และ หุ้นกลุ่มธนาคาร : KTB หลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้คาดการ GDP ปี 2568 ว่าจะเติบโตที่ 2.9% ซึ่งส่วนหนึ่งมีที่มาจากการผลักดันค่าใช้จ่ายภาครัฐฯ ที่มีอัตราเพิ่มมากขึ้น ถือว่าเป็นสัญญาณการเริ่มต้นที่ดีเมื่อเทียบกับในช่วงการระบาดของ โควิด-19 และปัญหาทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา จึงคาดว่าปีนี้ กระทรวงคมนาคมจะสามารถเร่งผลักดันโครงการพัฒนาและก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ยังค้างไว้อยู่ได้ดียิ่งขึ้น
สรุปมุมมองการลงทุน: ทีมนักวิเคราะห์ของบล.ฟิลลิปฯ ได้สรุปมุมมองการลงทุนว่า เนื่องจาก เศรษฐกิจโลก ในปัจจุบันยังคงมีความผันผวนสูง การเลือกลงทุนในกลุ่ม หุ้นไทย ตามที่แนะนำข้างต้นจะเป็น กลยุทธ์การลงทุน ที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตการลงทุน พร้อมทั้งช่วยกระจายความเสี่ยงจากความผันผวนทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
วิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค SET Index 2025: จับจังหวะลงทุนด้วยกราฟ
อย่างไรก็ตาม มีมุมมองอีกด้านหนึ่งจาก คุณดนัยภัทร เนตรพิทูร, CFA, CMT นักวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค บล. ฟิลลิป กล่าวว่า หลังจากดัชนี ตลาดหุ้นไทย ติดลบสองปีติดต่อกันเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 20 ปี เป็นการสะท้อนถึงการฟื้นตัวที่ยังจำกัดและมีความท้าทายรออยู่ไม่น้อย ดังนั้นคาดว่า ดัชนี SET Index ในปีนี้อาจอยู่ในกรอบบนไม่เกิน 1,550 จุด ส่วนกรอบล่างอาจลงได้ถึง 1,200 จุด จากสถานการณ์ดังกล่าว จึงแนะนำลงทุนแบบ ‘ Selective Play ’ เลือกหุ้นที่สอดคล้องกับโอกาสและทิศทางขาขึ้นในอนาคต โดย หุ้นเด่น คือ GULF เป็น Top Pick เนื่องจากภาพรวมยังเป็นขาขึ้นแข็งแกร่งและรับประโยชน์จากธีม Data Center และ AI ที่กำลังขยายตัวในภูมิภาค
กลยุทธ์กระจายความเสี่ยง: ลงทุนหุ้นต่างประเทศ
นอกจากนี้ ด้วยระดับความผันผวนของ หุ้นไทย ยังค่อนข้างสูง นักวิเคราะห์จึงแนะนำให้กระจายความเสี่ยงด้วยการพิจารณา ลงทุนหุ้นต่างประเทศ เพิ่มเติม โดยแนะว่า หุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ อย่าง ASML ที่ปรับตัวลงมาจากกรอบบนค่อนข้างเยอะ แต่เริ่มมีสัญญาณสะสมจากการที่ราคาไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่ (New Low) ในโซน 680–700 พร้อมทั้งเริ่มทะลุแนวต้าน (Breakout) จากเส้นเทรนด์ไลน์ (Trendline) จึงคาดว่าไปทดสอบแนวต้านที่ 870
ส่วนในฝั่ง หุ้นจีน ทีมนักวิเคราะห์ของ บล.ฟิลลิป คาดว่ารัฐบาลจีนอาจมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม จึงมองเห็นโอกาสการลงทุนใน Meituan (3690.HKEX) แม้ราคาจะปรับลงลงมามาก แต่แนวโน้มขาขึ้นยังไม่เสียทรง ประกอบกับเริ่มมีแรงซื้อสะสมใหม่ คาดว่าอย่างน้อยอาจกลับไปทดสอบแนวต้าน High ก่อนหน้านี้ที่ 180 อีกครั้ง
สุดท้ายนี้ ท่ามกลาง ภาวะตลาดหุ้น ทั้งในไทยและต่างประเทศที่มีความท้าทายมากขึ้น นักวิเคราะห์แนะนำให้นักลงทุน บริหารความเสี่ยง อย่างรอบคอบ เลือก ลงทุนหุ้น ที่ทุกท่านมีความเข้าใจ และมีราคาที่ไม่แพงจนเกินไป และสอดคล้องกับ แนวโน้ม ในอนาคต เพื่อให้พอร์ตการลงทุนสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
นักลงทุนที่สนใจรับคำปรึกษาและบริการด้านการลงทุนกับ บริษัท หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน หรือ PhillipCapital สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.phillip.co.th
และติดตามบทวิเคราะห์ หุ้นรายวัน และบทความด้านการลงทุนได้ทุกวันใน Page Facebook: PhillipCapital Thailand ที่ www.facebook.com/PhillipCapitalTH
You must be logged in to post a comment Login