- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 2 weeks ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 2 weeks ago
- โลกธรรมPosted 2 weeks ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 2 weeks ago
- สลายความเกลียดชังPosted 2 weeks ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 3 weeks ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 3 weeks ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 3 weeks ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 3 weeks ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 3 weeks ago
AIT สานพลังภาคีเครือข่าย สสส. กรมขนส่งทางบก-คมนาคม-สตช.-สธ.ยกระดับมาตรการถนนไทย

ศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) สานพลังภาคีเครือข่าย สสส. กรมขนส่งทางบก-คมนาคม-สตช.-สธ.ยกระดับมาตรการถนนไทย พบผู้เสียชีวิตบนถนนเป็นเยาวชน 20-24 ปี ครองแชมป์เสี่ยงสูง นักวิจัยชี้ยังขาดทักษะคาดการณ์อุบัติเหตุ เร่งยกระดับมาตรการ ลดตาย 12 คน/ประชากรแสนคนในปี 2570 สสส. ชู Data-driven แก้ไขปัญหาพื้นที่เฉพาะ ใช้เทคโนโลยีเสริมความปลอดภัย ร่วมขับเคลื่อนบูรณาการแก้ไขปัญหาจากระดับพื้นที่
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 13 ก.พ. 2568 ที่ โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท ศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) เป็นเจ้าภาพจัด “การประชุมด้านความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 2 Thailand Road Traffic Safety Forum” ในหัวข้อมาตรการรับมือเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนที่เกิดจากพฤติกรรมของมนุษย์ โดยมีเครือข่ายสำคัญร่วมงาน ทั้งกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วยภาคีป้องกันอุบัติเหตุทางถนน

นายจิรุตม์ วิศาลจิต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จากรายงานขององค์การอนามัยโลกปี 2566 พบไทยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 18,218 ราย ติดอันดับ 18 ของโลก ลดลงจากอันดับ 9 ของโลก คิดเป็นสัดส่วนประชากรอยู่ที่ 25 คน/ประชากรแสนคน โดยผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนอยู่ในกลุ่มอายุ 20-24 ปี คิดเป็น 9.83% และรถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตมากที่สุด คิดเป็น 79.69% ในส่วนผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนปี 2565 สูงถึง 1,060,566 ราย ต้องใช้งบประมาณในการรักษากว่า 7,827 ล้านบาท เพื่อลดความสูญเสียที่เกิดขึ้น ไทยจำเป็นต้องแก้ไขด้วยการสร้างแนวทางกลไกระบบความปลอดภัย หรือ Safe System Approach ด้วยการสร้างกลไกการทำงานที่แข็งแรง สร้างถนนที่ปลอดภัยให้กับประชาชนอย่างยั่งยืน
“กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ตระหนักถึงความสำคัญของปัจจัย “คน” ที่เป็นปัญหาหลักของการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งจำเป็นจะต้องมีการพัฒนาแก้ไข เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายของรัฐบาลในการลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนให้เหลือ 12 คน/ประชากรแสนคน ภายในปี 2570 สร้างความปลอดภัยในการเดินทางแก่ตนเอง และผู้ใช้รถใช้ถนน เช่น ยกระดับกระบวนการออกใบอนุญาตขับรถ รณรงค์สร้างจิตสำนึกแก่ประชาชน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการสร้างประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย แก้ไขปัญหาพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ขับขี่ที่เป็นปัญหา จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือ กับหน่วยงานภาคีเครือข่ายหลายภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคประชาชน และในปี 2568 กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน หรือ กองทุนเลขสวย ยังช่วยสนับสนุนการลดอุบัติเหตุในระดับจังหวัด โดยมุ่งหวังจะช่วยทำให้หน่วยงานและเครือข่ายในระดับพื้นที่มีงบประมาณเพื่อนำไปใช้ในการวางแผนแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนที่เป็นปัญหาเฉพาะของพื้นที่ต่อไป” นายจิรุตม์ กล่าว

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า จากผลสำรวจอายุคาดเฉลี่ยทั่วโลกในปี 2567 ของ www.worldometers.info พบไทยมีอายุคาดเฉลี่ยอยู่อันดับที่ 78 ของโลก โดยภาพรวมอายุคาดเฉลี่ย 76.56 ปี ผู้ชายจะมีอายุสั้นกว่าผู้หญิงเกือบ 9 ปี ข้อมูลจำนวนการตายจำแนกเพศ และกลุ่มอายุ ปี 2566 จากฐานข้อมูลการตาย กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กระทรวงสาธารณสุข พบคนไทยเสียชีวิตก่อนวัยอันควรมากถึง 154,825 ราย แบ่งเป็น ผู้ชาย 108,447 ราย และผู้หญิง 46,378 ราย โดยอุบัติเหตุทางถนนเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตอันดับ 1 ของคนไทย ในกลุ่มอายุ 5-44 ปี มากถึง 8,669 ราย ถึงเวลาที่ไทยจำเป็นต้องทบทวนกระบวนการ ค้นหาเทคนิค และเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงค้นวิธีการจัดการปัญหาให้ลึกถึงรากของปัญหา เพื่อเสริมประสิทธิภาพของการลดการบาดเจ็บ และเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน
“สสส. ขับเคลื่อนและส่งเสริมการให้ความรู้เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนน ร่วมกับภาคีเครือข่าย มาตั้งแต่ปี 2546 ถึงปัจจุบัน โดยมีจุดเน้นสำคัญ 1. ลดพฤติกรรมเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางถนน เช่น สวมหมวกนิรภัย ลดความเร็ว หรือดื่มไม่ขับ 2. สร้างสภาพสังคม และสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อความปลอดภัย 3. พัฒนาการทำงานในพื้นที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อให้บาดเจ็บและเสียชีวิตลดลง 4. ใช้ข้อมูล (Data-driven) เพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญในพื้นที่เฉพาะ กำหนดเป็นยุทธศาสตร์การดำเนินงานที่สำคัญในการพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศ ส่งเสริมการจัดการข้อมูล เทคโนโลยี เพื่อพัฒนานโยบาย/มาตรการ การร่วมขับเคลื่อนบูรณาการแก้ไขปัญหาจากระดับพื้นที่ 5. สื่อสารรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุทางถนนได้ไปถึงเป้าหมายในอนาคต” นพ.พงศ์เทพ กล่าว

ศ.ดร.กัณวีร์ กนิษฐ์พงศ์ ผู้จัดการศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย กล่าวว่า จากผลการสืบสวนสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ในเชิงลึก ที่ทางศูนย์วิจัยฯ ได้เก็บข้อมูล 1,500 ราย พบว่า สาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุ เกิดจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่ทั้งที่เกิดจากตัวผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เองและผู้ขับขี่รถยนต์คู่กรณี ความผิดพลาดของผู้ขับขี่มากที่สุดคือ ความผิดพลาดในการคาดการณ์ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในขณะขับขี่ หรือการคาดการณ์สถานการณ์อุบัติเหตุ ดังนั้นมาตรการเร่งด่วนที่ไทยควรรีบดำเนินการคือการสนับสนุนในการเพิ่มทักษะของผู้ขับขี่ในเรื่องการคาดการณ์อุบัติเหตุ (Hazard Perception Training) โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ขับขี่เยาวชน ซึ่งพบว่าขาดทักษะการขับขี่ที่ปลอดภัย ขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องวินัย และกฎจราจร ดังนั้นการอบรมทักษะการคาดการณ์อุบัติเหตุ จะสามารถเพิ่มความสามารถในการขับขี่ที่ปลอดภัยมากขึ้น
You must be logged in to post a comment Login