- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 2 weeks ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 2 weeks ago
- โลกธรรมPosted 2 weeks ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 2 weeks ago
- สลายความเกลียดชังPosted 2 weeks ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 3 weeks ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 3 weeks ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 3 weeks ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 3 weeks ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 3 weeks ago
มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ชู 5 ประเด็น ขวาง “พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์-พนันออนไลน์”

มูลนิธิหยุดพนันชู 5 ประเด็น ขวาง “พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์-พนันออนไลน์” หวั่นเป็นช่องทาง“ฟอกเงิน-คอรัปชั่น” ชี้การเข้าถึงแหล่งพนันอย่างง่ายดาย ก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม

นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลอยู่ระหว่างการจัดทำร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา ขณะเดียวกันยังเตรียมแก้ไขพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 ซึ่งมูลนิธิฯเห็นว่าหากไม่มีหลักเกณฑ์ที่รัดกุม หรือไม่มีรายละเอียดเพียงพอ อาจเป็นช่องทางที่ก่อให้เกิดการคอรัปชั่น การฟอกเงิน และที่สำคัญคือการที่ประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนอาจสามารถเข้าถึงแหล่งการพนันได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเกิดผลเสียตามมาอย่างมากทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยมีข้อสังเกต 5 ประเด็น คือ
1. การตั้งคำนิยามอย่างหลวม ๆ ว่า “การพนันออนไลน์” หมายความว่า “การพนัน หรือการเล่นผ่านระบบอินเทอร์เน็ต หรือการเล่นผ่านการสื่อสารระยะไกลด้วยระบบคอมพิวเตอร์หรือระบบอิเล็กทรอนิกส์”
จากคำนิยามดังกล่าว พนันออนไลน์จึงหมายถึงการพนันทุกประเภท ตั้งแต่กลุ่มหวยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหวยรายสัปดาห์ รายวัน หรือรายชั่วโมง รวมทั้งการทายเหตุการณ์ต่างๆไม่ว่าฝนจะตกหรือแดดจะออก ใครจะชนะเลือกตั้ง และการทายผลการแข่งขันกีฬา ทุกประเภทตั้งแต่ตีไก่ กัดปลา วัวชน ไปจนถึงผลกีฬาต่างๆ ตั้งแต่ มวย บาสเกตบอล ฟุตบอล ไปจนถึงการแข่งขันอี-สปอร์ต และกลุ่มเกมต่างๆ ทั้งเกมที่มีความเป็นพนันชัดเจนเช่น สล็อตแมชชีน บาคาร่า รูเลตต์ ไฮโล เสือมังกร และกลุ่มเกมที่ไม่ชัดเจนว่าเป็นพนันแต่จริงๆแล้วเป็น เช่น เกมที่ต้องจ่ายเงินและมีแจ๊คพอต อย่าง Jagat , Candy , ยิงปลา และอื่นๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการอนุญาตของเจ้าพนักงาน
ขณะที่ พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ จะยกเว้นให้การพนันที่ถูกต้องห้ามต่าง ๆ เช่น สล็อตแมชชีน บาคาร่า รูเลตต์ ไฮโล เสือมังกร ให้เล่นได้ในคาสิโนเกือบตลอด 24 ชั่วโมง แถมยกเว้นการขายเหล้า เบียร์ได้ทั้งหมด ทั้งนี้ขึ้นกับการกำหนดของบอร์ดนโยบาย “การตีคู่กันมาของร่าง พ.ร.บ. ทั้ง 2 ฉบับหรือ พ.ร.บ.แฝดนรก น่าจะทำให้เกิดสถานการณ์นรกแตกแน่” นายคมกฤส กล่าว

2. ความคลุมเครือของ พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ซึ่งอันที่จริงควรเป็น พ.ร.บ.กาสิโน เพราะกำหนดว่าสถานบันเทิงครบวงจรต้องประกอบด้วยกาสิโนร่วมกับอีก 4 กิจการ ซึ่งการไม่เขียนให้ชัดเจนถึงจำนวนสถานบันเทิงครบวงจรว่าจะให้มีได้กี่แห่ง ซึ่งหลายประเทศกำหนดไว้ชัดเจน หรือจะให้มีขนาดได้ไม่เกินกี่ตารางเมตร รวมถึงส่วนประกอบของกิจการที่จะมาร่วมกับกาสิโนว่าต้องมีขนาด หรือสัดส่วน หรือมาตรฐานเท่าใด เช่น โรงแรม ห้างสรรพสินค้า สถานบริการ สวนสนุก และคำบางคำยังมีความกำกวม เช่น “สถานที่เล่นเกม” ซึ่งไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร นอกจากนั้น ยังมีความไม่ชัดเจนเรื่องอัตราภาษี ซึ่งไม่มีการเขียนกรอบใด ๆ ไว้เลย หรือตัวเลขของค่าใบอนุญาต ค่าเข้ากาสิโนของคนไทย เป็นการกำหนดเพดานขั้นสูง แต่ไม่กำหนดขั้นต่ำโดยมอบอำนาจให้คณะกรรมการนโยบายและคณะรัฐมนตรีเป็นผู้ตัดสินใจ ข้อนี้หมายรวมถึงการจะอนุญาตให้กลุ่มทุนใดได้ใบอนุญาตโดยไม่ต้องประมูล แถมยังให้อภิสิทธิ์ในการยกเว้นการบังคับใช้กฎหมายหลายฉบับ เพื่ออำนวยความสะดวกในการ รวมทั้งให้คณะรัฐมนตรียกเลิกกฎหมายหรือกฎที่เป็นอุปสรรคได้ด้วย ซึ่งความคลุมเครือดังกล่าวจึงเปรียบเสมือนการตีเช็คเปล่า
3. การเปิดโอกาสให้อดีตผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรืออดีตกลุ่มทุนเป็นซุปเปอร์บอร์ดได้ โดยร่างล่าสุดของ พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ มาตรา 10 ระบุคุณสมบัติของผู้เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 6 ท่านในซุปเปอร์บอร์ดไว้ว่า ผู้ที่เคยเป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่น กรรมการ หรือผู้ดำรงตำแหน่งที่รับผิดชอบบริหารพรรคการเมือง ที่ปรึกษาพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่พรรคการเมือง หรือผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งกรรมการ ผู้จัดการ บุคคลผู้มีอำนาจในการจัดการ พนักงาน ลูกจ้าง ที่ปรึกษา หรือตำแหน่งอื่นใดในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสถานบันเทิงครบวงจร สามารถได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการนโยบายได้ หากพ้นจากตำแหน่งนั้น ๆ มาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี รวมทั้งการให้ซุปเปอร์บอร์ดสามารถตั้งคณะอนุกรรมการปฏิบัติงานตามที่มอบหมายได้ และให้ถือว่าการดำเนินการของคณะอนุกรรมการเป็นการดำเนินการของซุปเปอร์บอร์ด “ต้องไม่ลืมว่าซุปเปอร์บอร์ดชุดนี้มีอำนาจไม่น้อย จึงน่าคิดว่าการกำหนดหลักเกณฑ์เช่นนี้ จะเป็นผลดีอย่างไรต่อฝ่ายใดหรือไม่”
4. ประเด็นใหม่ที่ถูกเติมเข้ามาในร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ฉบับเมดอินกฤษฎีกาล่าสุด มาตรา 71 เขียนว่า “ผู้รับใบอนุญาตอาจจัดให้มีการดำเนินธุรกิจอื่นที่เป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าไปในกาสิโนได้” จึงมีคำถามว่า “ธุรกิจอื่น” ที่ว่านี้คืออะไร ซึ่งในวงการกาสิโนจะมีธุรกิจที่อำนวยความสะดวกแก่นักพนัน ที่เรียกว่า “Junket” ซึ่งหมายถึง กิจการนายหน้าที่คอยรับรองแขกวีไอพี ตั้งแต่การจองตั๋วการเดินทาง จองโรงแรม ติดต่อเปิดห้องพิเศษในกาสิโน ที่สำคัญคือการอำนวยความสะดวกทางการเงิน โดยการรับฝากเงินของลูกค้าผ่านบัญชีบริษัท Junket เพื่อนำไปเปิดบัญชีกับกาสิโน ทั้งนี้ ธุรกิจ Junket ในบางประเทศ โดยเฉพาะที่มาเก๊า ถูกจับได้ว่าเป็นธุรกิจเพื่อบริการฟอกเงินให้กับวีไอพีทั้งหลาย ซึ่งมักจะไม่พ้นนักการเมือง ข้าราชการ รวมถึงนักธุรกิจผิดกฎหมายต่าง ๆ เช่นกรณีนายอัลวิน โจว ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของกลุ่ม Sun City บริษัทจังเก็ตรายใหญ่ของมาเก๊า ถูกรัฐบาลจีนจับกุมด้วยข้อหาเกี่ยวข้องกับการพนันข้ามพรมแดนและการฟอกเงินผิดกฎหมาย ซึ่งอัลวิน โจว มีกิจการกาสิโนที่มาเก๊า เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และเป็นบุคคลที่รัฐบาลออสเตรเลียขึ้นบัญชีดำ เนื่องจากพัวพันการฟอกเงิน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้มีการประกาศความร่วมมือกันระหว่างคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ หรือ THACCA ของไทยกับนายลอเลนซ์ โฮ ซีอีโอของ Melco Resorts and Entertainment จากมาเก๊า ซึ่งมีความน่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะพ่อของลอเลนซ์ โฮ คือ สแตนลีย์ โฮ อดีต เจ้าพ่อกาสิโนรายใหญ่ในมาเก๊าที่เสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา และเคยถูกรัฐบาลรัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลียขึ้นบัญชีดำฐานมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกอั้งยี่ อาชญากรรม และการฟอกเงิน จึงน่าจับตาว่าการเพิ่มมาตรานี้ในพ.ร.บ.ดังกล่าวมีประเด็นแอบแฝงอย่างไรหรือไม่
5. ประเด็นเห็นต่างระหว่างกฤษฎีกากับรัฐบาล โดยประเด็นที่หนึ่ง คือ มาตรา 81 กำหนดให้บุคคลสัญชาติไทยซึ่งจะเล่นพนันในกาสิโนต้องมีเงินฝากในบัญชีเงินฝากประจำไม่น้อยกว่าห้าสิบล้านบาทต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่าหกเดือน ซึ่งขัดกับฝ่ายรัฐบาลที่ต้องการเปิดช่องให้นักพนันไทยที่นิยมไปเล่นกาสิโนต่างประเทศสามารถเข้าเล่นได้ ส่วนประเด็นที่สอง น่าสนใจมากกว่า คือ มาตรา 26 เรื่องทุนและทรัพย์สินในการดำเนินงานของสำนักงานควบคุม (เดิมใช้คำว่า “กำกับ”) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งร่างเดิมเขียนว่า “เงินและทรัพย์สินของสำนักงาน เมื่อหักค่าใช้จ่ายซึ่งคณะกรรมการนโยบายกำหนด เหลือเท่าใดให้นำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน” ซี่งเป็นการเปิดช่องให้สามารถมีการนำเงินจำนวนมหาศาลมาใช้ได้ เหลือเท่าใดค่อยส่งเข้าคลัง แต่มาร่างนี้มาตรา 26 ท่อนท้ายกลับเขียนว่า บรรดารายได้ของสำนักงานตามวรรคหนึ่งต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ซึ่งน่าสนใจว่าฝ่ายรัฐบาลจะมีความเห็นอย่างไรในประเด็นนี้” นายธนากร กล่าว
You must be logged in to post a comment Login