นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชารัฐว่า นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค กำลังดำเนินการอยู่ ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถ้อยทีถ้อยอาศัย ซึ่งเป็นการหารืออย่างไม่เป็นทางการ ทั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐให้เกียรติพรรคที่จะมาร่วมงานด้วย และพรรคที่จะมาร่วมงานต่างก็อยากเห็นบ้านเมืองเดินไปข้างหน้า ซึ่งบางพรรคคงต้องรอการหารือกันตามกระบวนการภายในของพรรคก่อนจึงต้องให้เกียรติ ขณะเดียวกันพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องรอการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ให้เสร็จก่อน ซึ่งยังมีเวลาในการเจรจา อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างแน่นอน ทุกอย่างไม่ได้มีปัญหาตามที่มีกระแสข่าวลือออกมา เมื่อทุกอย่างเป็นทางการแล้วพรรคจะแถลงข่าวอย่างแน่นอน นายธนกรกล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่โฆษกพรรคเพื่อไทยระบุว่าพรรคที่จะมาร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐหักหลังประชาชนหรือไม่นั้น ตนมองว่าเป็นการพูดที่ใช้ไม่ได้ เพราะทุกพรรคมาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย มาจากประชาชนที่อยากเห็นบ้านเมืองสงบสุข คำพูดดังกล่าวจึงเป็นการดูถูกประชาชน “ถ้าพรรคการเมืองที่ถูกพูดถึงไปร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าโฆษกพรรคเพื่อไทยคงไม่ออกมาพูดแบบนี้ ดังนั้น พรรคเพื่อไทยต้องให้เกียรติพรรคอื่นหรือคนที่เห็นต่างด้วย ไม่ใช่ว่าเมื่อพรรคพลังประชารัฐได้จัดตั้งรัฐบาลก็พาล ออกมาตีโพยตีพาย ไม่ได้ดั่งใจก็เลยงอแง...

นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 กล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองในช่วงนี้ว่า สถานการณ์ขณะนี้กำลังเข้าสู่เดดล็อกและทางตัน เนื่องจากการรวมเสียง ส.ส. ของฝ่ายการเมือง 2 ขั้ว มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรแบบปริ่มน้ำ ไม่ว่าฝ่ายใดตั้งรัฐบาลได้รัฐบาลหน้าก็ไร้เสถียรภาพ ขาดความเชื่อมั่นต่อการลงทุน กระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ มีทางเดียวที่จะฝ่าทางตันนี้ได้คือ การร่วมกันตั้งรัฐบาลช่วยชาติตามที่คณะกรรมการญาติวีรชนฯเสนอ เป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ข้อเสนอของคณะกรรมการญาติวีรชนฯได้รับการขานรับ หลายฝ่ายมองเห็นวิกฤตรออยู่ข้างหน้าจึงเห็นด้วยอย่างยิ่งกับการสร้างการเมืองขั้วที่ 3 ในขณะนี้ ไม่ใช่เพื่อต่อรองเก้าอี้อย่างเดียว แต่ต้องเป็นขั้วที่ 3 เพื่อฝ่าทางตันการเมือง สร้างรัฐบาลสามัคคี ปรองดอง ช่วยชาติให้ก้าวพ้นวังวนความขัดแย้งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ให้ได้ หาก 4 พรรคคือ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา ชาติพัฒนา...

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คว่า การยื่นคำร้องถึงศาลรัฐธรรมนูญกรณีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อของ กกต. ขัดกับรัฐธรรมนูญ มีรายละเอียดและขั้นตอนดังนี้ 1.ผู้ยื่นต้องเป็นผู้ที่มีผลกระทบว่าถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพจากการกระทำที่เห็นว่าขัดมาตรา 7 (11) ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งหมายความถึงผู้บริหารพรรคการเมืองที่ได้รับผลกระทบจำนวน 7 พรรคคือ พรรคพลังประชารัฐ พรรคอนาคตใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคเสรีรวมไทย พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อน้อยกว่าที่ควรจะได้ และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อในลำดับถัดไป รวมจำนวน 12 คน นายสมชัยระบุอีกว่า 2.การยื่นคำร้องต้องระบุทั้งชื่อและที่อยู่ของผู้ร้อง เรื่องหรือการกระทำทั้งหลายอันเป็นเหตุให้ต้องขอให้ศาลมีคําวินิจฉัยพร้อมทั้งข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้อง มาตราของรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเหตุในคําร้อง คําขอที่ระบุความประสงค์จะให้ศาลดำเนินการอย่างใดพร้อมทั้งเหตุผลสนับสนุนโดยชัดแจ้ง (มาตรา...

นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล อดีต ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เรื่องการแก้ปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ และยังกล่าวหาว่านักการเมืองสร้างภาพบิดเบือนนั้น ทำให้ตนรู้สึกผิดหวังและสงสารประชาชนคนไทยที่มีนายกรัฐมนตรีคิดได้เช่นนี้ วันนี้ชาวบ้านเดือดร้อนจะตายแล้ว แต่นายกฯกลับมองไม่เห็นความเดือดร้อนของประชาชน ขอถามนายกฯว่ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ปาล์มราคากิโลกรัมละ 1.60 บาท ไม่ใช่ 5-6 บาท โดยเป็นราคาขาดทุน เกษตรกรต้องจ่ายค่าปุ๋ย ค่าจ้างตัด ค่าดูแลสวน รัฐบาลนี้คือรัฐบาลที่ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำที่สุด และนายกฯรู้หรือไม่ว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา รายได้ประชาชนลดลงมากแค่ไหน หากไม่ทราบขอให้สอบถามผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติก็จะทราบว่ารายได้ประชากรต่อเดือนต่อครัวเรือนลดลงมากแค่ไหน ยกตัวอย่าง จ.ตรัง จากเดือนละ 36,000 บาทในปี 2556...

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า อยากเตือนพรรคการเมืองทุกพรรค โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยให้รักษาคำมั่นสัญญาที่ให้กับประชาชนก่อนการเลือกตั้งที่เคยบอกไว้ว่าไม่เห็นด้วยกับการสืบทอดอำนาจ และไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง เพราะตลอด 5 ปีที่ผ่านมาได้รับบทเรียนอะไรบ้าง ประเทศไทยเสียหายทางเศรษฐกิจมากมายแค่ไหนทุกคนทราบดี ถ้ายังคิดสนับสนุนการสืบทอดอำนาจในอนาคตจะมีหน้าไปหาเสียงกับประชาชนได้อย่างไร ส่วนพรรคภูมิใจไทยนั้น นายพิชัยกล่าวว่า ส่วนตัวแล้วเห็นว่ามีโอกาสสูงที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี และก็เหมาะสมอย่างยิ่งหากนายอนุทินจะรักษาคำพูดที่ให้ไว้ก่อนการเลือกตั้ง และยอมร่วมรัฐบาลกับฝั่งประชาธิปไตย หยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ โดยอยากให้นายอนุทินได้ฟังเสียงของประชาชนจริงๆตามที่ได้ประกาศไว้ ซึ่งเป็นจังหวะที่เหมาะสมของนายอนุทิน และคงจะไม่มีโอกาสแบบนี้บ่อยนักในชีวิต การที่พรรคภูมิใจไทยได้เสียงเพิ่มขึ้นมากแสดงถึงความไว้วางใจของประชาชนที่มีให้กับพรรคภูมิใจไทย เป็นจุดพลิกผันของพรรคหลังจากที่แยกตัวออกมาจากพรรคพลังประชาชน หากนายอนุทินและพรรคภูมิใจไทยรักษาภาพพจน์และคำพูด โอกาสพัฒนาของพรรคภูมิใจไทยก็เป็นไปได้สูง และโอกาสที่นายอนุทินจะเป็นนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ก็เป็นไปได้อย่างมาก จึงอยากให้นายอนุทินพิจารณาให้ดี

นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกระแสข่าวที่มีการตั้งเงื่อนไขต่อรองจัดตั้งรัฐบาลจากพรรคการเมืองและนักการเมือง ว่าไม่ควรมีชื่อของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และชื่อ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ขณะนี้มีการพูดคุยกันเรื่องการมาร่วมเดินหน้าประเทศ ยังไม่มีการพูดเรื่องตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น เพราะจะต้องรอความพร้อมของทุกพรรคที่จะมาหารือกันอย่างเป็นทางการ เท่าที่ได้มีโอกาสพบปะกับนักการเมือง ไม่มีใครตั้งเงื่อนไขเช่นนี้ และในขณะที่เคยร่วมงานกับทั้ง พล.อ.ประวิตรและ พล.อ.อนุพงษ์ ทั้งสองท่านมีความตั้งใจและผลงานในการทำงานเพื่อแก้ปัญหาให้กับประเทศอย่างแท้จริง “ต้องยอมรับว่า ที่ประเทศสงบเรียบร้อยมา 5 ปีที่ผ่านมา ทั้งสองท่านมีบทบาทช่วยงาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. อย่างมากในการทำงานเพื่อประเทศ...

ที่รัฐสภาใหม่ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้ารายงานตัว ส.ส.สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยให้สัมภาษณ์ถึงกรณีขั้วที่ 3 ที่มีพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา จัดตั้งรัฐบาลว่า ทั้งหมดถ้าไม่ใช่ข่าวปล่อยก็น่าจะเป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคลเท่านั้น ในนามพรรคยังไม่มีอะไร เพราะต้องรอให้มีหัวหน้าและคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เสียก่อน รวมทั้งต้องหารือกับ ส.ส.ชุดปัจจุบัน ส่วนตัวคงพูดอะไรไม่ได้มาก เพราะจะสร้างความสับสนให้กับสังคม ข่าวที่ออกมาทั้งหมดก็สับสนมากพออยู่แล้ว เช่นเดียวกับกระแสข่าวที่ระบุว่า พรรคอนาคตใหม่จะสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าประชาธิปัตย์ มาเป็นนายกฯนั้น ตนก็ไม่ทราบ ต้องรอให้พรรคพูดเป็นเรื่องเป็นราวก่อน และหากเสียงข้างมากเป็นอย่างไรก็ยึดตามนั้น โดยเชื่อว่าทุกคนในพรรคจะปฏิบัติตาม เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่บางพรรคตั้งเงื่อนไข โดยไม่ต้องการให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.อนุพงษ์...

น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคอนาคตใหม่พร้อมยกมือให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นการนำเสนอข่าวเกินเลยจากข้อเท็จจริง พรรคอนาคตใหม่เพียงต้องการชี้ให้สังคมเห็นว่า ตอนนี้ภารกิจสำคัญที่สุดของพรรคการเมืองไม่ใช่การเจรจาต่อรองตำแหน่งหรือเก้าอี้รัฐมนตรี แต่คือการหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) “เพราะฉะนั้นพรรคอนาคตใหม่ขอเรียกร้องให้ทุกพรรคการเมืองที่เคยแสดงจุดยืนไว้ในช่วงหาเสียงว่า จะหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) อย่าตระบัดสัตย์ เพราะชีวิตของนักการเมืองขึ้นอยู่กับการทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน เมื่อแต่ละพรรคแสดงจุดยืนตามที่สัญญาไว้กับประชาชน ร่วมกันต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช.แล้ว จึงค่อยเจรจาต่อรองเรื่องการร่วมรัฐบาล”

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊กแสดงความเห็นถึงการคำนวณสัดส่วน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของ กกต. ว่า คณิตคิดเล่น เขย่าสูตร กกต. เอาสูตร กกต. ที่จัดสรรให้แก่ทุกพรรคโดยไม่สนใจว่าจะมี จำนวน ส.ส.ที่พึงจะมีถึงหนึ่งคนหรือไม่ ทดลองสร้างตารางคำนวณใหม่ โดยยึดคะแนน 16 พรรคแรกตามเดิมทุกอย่าง และสมมติให้มีพรรคทั้งหมด 250 พรรค พรรคที่ 17 ได้ 3,000 คะแนน และลดลงทีละคะแนนไปจนถึงพรรคที่ 250 มี 2,767 คะแนน เท่ากับมีคนมาใช้สิทธิ์ทั้งประเทศ 35,067,673 คน สิ่งที่ต้องการทดสอบคือ...

นายรยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ ซึ่งมีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ(นปช.)เป็นผู้สนับสนุน กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่พร้อมเชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคประชาธิปัตย์ หรือนายอนุทิน ชาญวีรกุล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย มาเป็นนายกรัฐมนตรี และขอให้รวมเสียงกันเพื่อให้เกิน 375 เสียง เพื่อเอาชนะเสียงของขั้วพลังประชารัฐและ 250 ส.ว.ว่า เห็นด้วยกับแนวคิดนี้เป็นอย่างมาก ณ จุดนี้ เราต้องร่วมมือกัน เพื่อสู้กับเผด็จการ ต้านการสืบทอดอำนาจ แม้ฝ่ายสืบทอดอำนาจจะวางแผนการณ์ไว้อย่างละเอียดลออ เตรียมแผนหนึ่ง สอง สาม รองรับไว้แล้วทุกสถานการณ์ แม้พวกเขาจะไม่ได้เป็นรัฐบาล ก็ยังมีอำนาจ เช่น ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี...

พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาและหัวหน้าศูนย์สื่อสารข่าวสารเฉพาะกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงข้อครหาของสังคมที่มีต่อกรณีที่กรณีการตั้งแต่พวกพ้องเข้ามาเป็น ส.ว. ว่า ถือว่าไม่ให้เกียรติประชาชน เพราะการคัดสรรไม่โปร่งใสตรวจสอบไม่ได้แถมส่อขัดรัฐธรรมนูญอีก และหากร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีโดยไม่สนองเจตจำนงผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส. อีก ก็จะกลายเป็นบุคคลล้มละลายทางความน่าเชื่อถือ เพราะโจทย์เร่งด่วนทางการเมือง ขณะนี้ได้มุ่งสู่การแสวงความร่วมมือในการตัดวงจรของการสืบทอดอำนาจ เพราะตัวเลือกนายกรัฐมนตรีที่มาจากปีกพรรคการเมืองที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจนั้นมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติที่อาจขัดรัฐธรรมนูญ ทั้งการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งเป็นคุณสมบัติต้องห้าม ทั้งในเรื่องขัดกันแห่งผลประโยชน์ชงเองกินเองที่ให้ ส.ว. ที่ถูกครอบงำโดย คสช. เข้ามาร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่มาจาก คสช. “มูลเหตุดังกล่าวจึงทำให้พรรคการเมืองส่วนใหญ่เห็นตรงกัน ว่าน่าจะตัดแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนนี้ออกไป เพื่อมิให้เกิดปัญหายุ่งเหยิงยากต่อการแก้ไข และจะทำให้ประเทศชาติกลับไปสู่วังวนของปัญหาเดิมๆ อีก ซึ่งการตัดวงจรสืบทอดอำนาจนี้จะทำให้พรรคการเมืองที่ได้ให้สัจจะวาจาไว้มีความสบายใจ และภาคภูมิใจในเกียรติภูมิที่ได้ปฏิบัติตามสัญญาประชาคมที่ให้ไว้กับพี่น้องประชาชนผู้รักประชาธิปไตยที่มาใช้สิทธิเลือกตั้ง สถานการณ์การเมืองก็จะเดินหน้าสู่การเลือกนายกรัฐมนตรีที่มาจากเสียงส่วนใหญ่ของ ส.ส. ตามครรลองประชาธิปไตยสร้างความน่าเชื่อถือในสายตาของต่างประเทศเกิดความเชื่อมั่นความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและความผาสุขกลับคืนมา” พล.ท.ภราดรกล่าว