วันนี้ (30 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวตอนหนึ่งถึงกรณีรัฐบาลสหรัฐอเมริกาสั่งระงับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) สินค้าของไทย ในระหว่างกล่าวปาฐกถาพิเศษในงานมอบรางวัลรัฐบาลดิจิทัลว่า หน่วยงานภาครัฐและรัฐบาลมีงานอีกมากที่ต้องท เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์รัฐบาลดิจิทัล และต้องรับมือกับความท้าทายในหลายมิติ อุปสรรคหลายอย่างจะแทรกเข้ามา อย่างจีเอสพี หรืออะไร ซึ่งจริงๆแล้วเป็นเรื่องธรรมดา อะไรที่เขาให้ และเขาก็เอาคืน มันก็ได้หมด เพราะเป็นสิทธิประโยชน์ อย่าลืมว่าเราโตขึ้นมากแล้ว บางครั้งถ้าเราทำตัวเป็นเด็กเล็กๆต่อไปก็ไม่ได้อีก เราต้องสร้างความเข้มแข็ง คนไทยต้องสร้างประเทศไทยเข้มแข็งด้วยตัวเราเอง ด้วยความร่วมมือระหว่างกันให้เร็วที่สุด ก็จะไม่ไปเจออุปสรรคความท้าทายอื่นๆขึ้นมาโดยไม่จำเป็น โลกเปลี่ยนแปลงทุกวัน ทั้งสงครามการค้า มาตรการกีดกัน พหุภาคี การค้าเสรีมีปัญหาหมด เพราะทุกประเทศเริ่มนึกถึงตัวเอง ทำให้กติกามีมากขึ้น จากการเรียกร้องของประชาชน ทุกประเทศเจอเหมือนกันหมด...

วันนี้ (30 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีสหรัฐอเมริกาประกาศระงับการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) สินค้าไทยว่า ต้องไปถามนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เพราะมีการหารือกันในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ อีกทั้งอุปทูต รักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ยังมาพบนายสมคิดด้วยตัวเอง ซึ่งนายสมคิดได้รายงานตรงกับนายกรัฐมนตรี ส่วนข้อเสนอที่ให้ตั้งสหภาพแรงงานต่างด้าวนั้น โดยกฎหมายเวลานี้ทำไม่ได้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้ออกมาพูดแล้วว่าทำไม่ได้ หลายประเทศไม่ได้เปิดโอกาสให้ทำ และเข้าใจว่าในสหรัฐก็ยังไม่ได้ทำ จึงยากหากจะต้องทำ แม้แก้กฎหมายก็ต้องใช้เวลานานเกินกว่ากรอบเวลาที่สหรัฐให้ไว้ 6 เดือน ดังนั้น คงต้องใช้วิธีการเจรจา เพราะมีช่องทางที่จะเจรจากันหลายเรื่อง และเรื่องนี้น่าจะไม่เกี่ยวโดยตรงกับการยกเลิกสารเคมี 3 ชนิด เพราะมีการศึกษาเรื่องนี้มาเป็นระยะแล้ว...

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 6 นัดฟังคำสั่งในคดีที่พนักงานสอบสวน กก.3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ได้นำสำนวนการสอบสวนพร้อมพยานหลักฐานและความเห็นควรสั่งฟ้องนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักษาชาติ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ผู้ต้องหาคดีผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 กรณีเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2561 นายพิชัยโพสต์ภาพลงเฟซบุ๊คในการร่วมวงเสวนาของคณะกรรมการวีรชนพฤษภา 35 ในประเด็นเศรษฐกิจ การปราบทุจริตคอร์รัปชันในยุค คสช. และพลังดูด 4.0 กับโพสต์ภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช....

วันนี้ (29 ต.ค.) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. มีมติให้วันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม 2562 เป็นหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากตรงกับช่วงเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ ทำให้มีวันหยุดยาวเป็น 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2562-1 มกราคม 2563 ทั้งนี้ หากหน่วยงานใดต้องบริการประชาชน มีภารกิจความจำเป็น หากยกเลิกจะเกิดความเสียหาย ให้พิจารณาตามความเหมาะสม ส่วนรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน และบริษัทเอกชน ขอให้พิจารณาตามความเหมาะสมเช่นกัน

วันนี้ (29 ต.ค.) เวลา 08.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เรียกประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 5/2562 เป็นการด่วน ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือแนวทางการดำเนินการรับรองการตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไปหรือจีเอสพี ซึ่งกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงแรงงานจะเป็นผู้รายงานต่อที่ประชุม และจะได้หารือเพื่อพิจารณาโครงการรถไฟไทย-จีน ซึ่งจะเสนอโดยกระทรวงคมนาคมและสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 127 จำนวน 1 คนคือ นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ส.ส.นครปฐม เขต 5 โดยสำนักงาน กกต. ขอแจ้งให้ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. ตามประกาศดังกล่าว มารับหนังสือรับรองการได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. (ส.ส.6/5) นับตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป ไม่เว้นวันหยุดราชการ ระหว่างเวลา 08.30-16.30 น. ที่สำนักงานบริการการเลือกตั้งและการออกเสียงประชามติ 2 ชั้น 2 สำนักงาน กกต. อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ

วันนี้ (28 ต.ค.) ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดงานมหกรรมแสดงเทคโนโลยีดิจิทัลระดับชาติถึงกรณีสหรัฐอเมริกามีคำสั่งระงับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) กับสินค้าจากประเทศไทยว่า เป็นเรื่องของสหรัฐ กฎหมายใครก็กฎหมายเขา ซึ่งมีการทำงานของหน่วยงานเขา ของเราก็มีของเรา ไม่อยากให้คาดเดาว่าตัดตรงนี้เพราะอะไร อย่างไร โดยรัฐบาลทราบอยู่แล้วว่าจะมีปัญหาตรงนี้ ที่ผ่านมาก็แก้ปัญหามาโดยตลอด กระทรวงพาณิชย์​ก็ได้มีการเจรจาต่อรองเยอะแยะ โดยข้อสำคัญเราเจรจาอย่างเดียวไม่ได้ เราก็ต้องแก้ไขปัญหาภายในของเราด้วย โดยเฉพาะเรื่องของปัญหาแรงงาน เราต้องไปดูว่าเราทำได้มากน้อยแค่ไหน บางอย่างมันมีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับในประเทศของเรา ทั้งคนของเรา แรงงานของเรา แรงงานต่างด้าวในประเทศของเรา ซึ่งเราพยายามเดินหน้าเรื่องนี้ให้ดีที่สุด เพราะฉะนั้นวันนี้คิดว่าจะคาดเดาไม่ได้ เหมือนเขาก็คาดเดาเราไม่ได้เหมือนกันว่าเราจะทำอะไรต่อไป จึงขึ้นอยู่กับว่ากติกาอยู่ตรงไหน พล.อ.ประยุทธ์​กล่าวต่อว่า กติกาของเรา เราก็ทราบอยู่แล้วในหลายเรื่องด้วยกัน วันนี้อยากจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องตื่นตระหนก หรือว่ากล่าวให้ร้ายกันไปมา...

เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ตั้งข้อสังเกตเรื่องผลคะแนนจากการเลือกตั้งซ่อมเขตเลือกตั้งที่ 5 จ.นครปฐม กับการคำนวณจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่ว่า ไม่รู้ และยังไม่ได้ดูในประเด็นนี้ ยังไม่ได้อ่าน และไม่ได้ติดตาม อีกทั้งไม่รู้ว่านายธนาธรหมายถึงเรื่องอะไร จึงขอไม่ตอบเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่เขาต้องไปเถียงกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพราะการเลือกตั้งเป็นเรื่องของ กกต. ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล ตนไม่รู้ว่าคืออะไรด้วยซ้ำไป เพราะไม่ได้สนใจดูประเด็นนี้มาตั้งแต่ต้น เมื่อถามว่าหากไม่คำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่ ต้องยึดจำนวน ส.ส.พึงมีหลังการเลือกตั้งใหม่ใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ก็ต้องอย่างนั้น เพราะเมื่อไม่ใช่การเลือกตั้งซ่อมที่เกิดจากการทุจริตเลือกตั้งก็จะไม่มีการคำนวณใหม่ แต่เรื่องจำนวน ส.ส....

วันนี้ (25 ต.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการระดับชาติเพื่อเตรียมการจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนและการประชุมที่เกี่ยวข้องถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติให้ใช้อำนาจเรียกนายกรัฐมนตรีและ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 30 พฤศจิกายน เพื่อมาให้ข้อมูลถึงการถวายสัตย์ฯ โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวเพียงสั้นๆว่า “ให้เป็นไปตามกฏหมาย เรื่องนี้มันจบไปแล้ว” พร้อมกับสะบัดมือส่งสัญญาณไม่พูดแล้ว ก่อนจะเดินขึ้นห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ทันที

วันนี้ (24 ตุลาคม 2562) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงโครงการชิมช้อปใช้ เฟส 2 ที่ได้รับความนิยมจากประชาชน จะมีอะไรเพิ่มเติมออกมาอีกหรือไม่ว่า ต้องดูงบประมาณที่รัฐบาลมีอยู่ ดูผลตอบแทน การประเมินวิเคราะห์ต่างๆ ซึ่งต้องทำงานร่วมกันทั้งหมด วันนี้ไม่ได้ทำงานด้วยปากเปล่าหรือเอกสารอย่างเดียว แต่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ด้วย หากมองตัวเลขจีดีพีอาจจะดูว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก จะขึ้นนิดขึ้นหน่อยไม่เป็นไร ถือเป็นการเพิ่มการใช้จ่ายเงินหมุนเวียนในระบบให้ทั้งผู้ผลิต ผู้ซื้อ ผู้ใช้ การกระจายสินค้าและการขนส่งให้มีรายได้เพิ่มขึ้นในวงจร โดยเฉพาะการลงทุนขนาดใหญ่จะทำให้เพิ่มมากขึ้น หากย้อนไปดูสถิติที่ธนาคารโลกจัดลำดับมา หลายอย่างเราดีขึ้น และมีหลายอย่างที่เขาเตือน อาเซียนหลายประเทศที่มีรายได้สูงจีดีพีลดลงทุกประเทศ เนื่องจากสงครามการค้าเป็นประเด็นสำคัญ เพราะทั้งหมดต้องพึ่งปลายทางคือตลาดโลก โดยเฉพาะสินค้าเกษตร แต่ตอนนี้ทุกชนิดมีปัญหาหมด

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ตามที่ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลนำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ออกชิมช้อปใช้ รอบ 2 แจกเงิน 1,000 บาท เพิ่มให้อีก 3 ล้านคน และการรับเงินชดเชยคืน 15-20% หลังเที่ยวแล้ว โดยโปรโมทเหมือนกับว่านี่เป็นนโยบายหลักทางเศรษฐกิจของรัฐบาล ทำให้สงสัยว่าที่พลเอกประยุทธ์กล่าวในสภาผู้แทนราษฎร อ้างว่ารู้มากกว่าเพราะอาบน้ำร้อนมาก่อน แต่กลับคิดแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ทรุดหนักได้เพียงเท่านี้เองหรือ ทั้งนี้ ได้พิสูจน์ให้เห็นชัดเจนแล้วว่า การเกิดก่อนและอาบน้ำร้อนมาก่อนไม่ได้หมายความว่าจะพัฒนาให้มีความคิดที่ดีกว่าได้ ทั้งนี้เพราะการแจกเงินชิมช้อปใช้ประชาชนนำไปใช้แล้วก็หมดไป ไม่ได้สร้างความยั่งยืนทางการพัฒนาหรือความยั่งยืนทางรายได้ และที่สำคัญไม่ได้แก้ปัญหาการว่างงานที่จะเกิดขึ้นรวมแล้วกว่า 500,000 คนในปีหน้าได้ นักศึกษาที่จบใหม่จะตกงานกันอย่างมาก ทั้งนี้ มาจากการลงทุนที่หดหายมากว่า 5 ปี หลายบริษัทใหญ่...