พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่อาจมีความลำบากใจในการชี้แจงที่ประชุมรัฐสภาในวันที่ 18 กันยายน ในประเด็นการถวายสัตย์ปฏิญาณตนหากต้องมีการพูดถึงสถาบันว่า ไม่รู้สึกลำบากใจ แต่จะต้องไปพูดคุยกันก่อนว่าสามารถพูดได้แค่ไหน อย่างไร หากพูดแล้วมีผลกระทบ เมื่อถามว่าในวันเดียวกันนี้ศาลรัฐธรรมนูญจะนัดพิจารณาเรื่องคุณสมบัติประเด็นเจ้าหน้าที่รัฐของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ว่ากันไป ถือเป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องแยกแยะให้ออก โดยตนได้ส่งฝ่ายกฎหมายของตนไป ส่วนที่ฝ่ายค้านแสดงความกังวลว่านายกรัฐมนตรีอาจหยิบมาเป็นประเด็นจะไม่เดินทางเข้ามาที่ประชุมรัฐสภาในวันดังกล่าว คงไม่เกี่ยวกัน ถ้าตนไปได้ก็ไป ซึ่งทุกวันนี้ก็มีงาน 4-5 งาน ทั้งช่วงบ่ายและช่วงเย็น ทุกๆวันจะเป็นอย่างนี้ ขอให้เห็นใจตนบ้าง ซึ่งทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าอะไรคืออะไร แต่ก็ยังมีความพยายามที่จะทำให้เกิดความสับสน ซึ่งตนก็ต้องหาข้อยุติให้ได้ “ในวันที่ 18 กันยายนนี้ ผมก็มีงานที่ต้องทำอยู่เหมือนกัน แต่ผมยืนยันว่าจะเข้าไปฟัง แต่หากมีภารกิจผมก็ต้องออกมาบ้าง แล้วจะกลับไปฟังใหม่ คงต้องเป็นแบบนี้...

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า หากจำกันได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โจมตีนโยบายประชานิยมตั้งแต่เริ่มทำปฏิวัติรัฐประหาร อีกทั้งได้ยกเรื่องประชานิยมเป็นเหตุผลหนึ่งของการปฏิวัติรัฐประหารด้วย ทั้งนี้ ยังไม่พอ ตอนร่างรัฐธรรมนูญใหม่ยังบอกจุดประสงค์ชัดเจนว่าป้องกันไม่ให้มีประชานิยมเพื่อป้องกันประเทศล่มจมจากการแจกเงิน ถึงกับต้องมีการวางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติขึ้นมาเพื่อกำกับไม่ให้มีการแจกเงินสะเปะสะปะ ดังนั้น จะเห็นได้ว่าตลอด 3-4 ปีแรกของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ แทบไม่ช่วยเหลือประชาชนเลย โดยจ่ายเงินช่วยประชาชนน้อยมาก ประชาชนเดือดร้อนกันอย่างมาก แต่พอใกล้จะเลือกตั้งรัฐบาลกลับมีการแจกเงินแบบอีลุ่ยฉุยแฉก โดยเฉพาะบัตรคนจน และหลังเลือกตั้งยิ่งแจกเงินมากขึ้น จึงอยากถามว่านี่เป็นการแจกเงินที่แย่ยิ่งกว่าประชานิยมใช่หรือไม่ และฝากถามไปยังคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติว่า การดำเนินการดังกล่าวผิดกับยุทธศาสตร์ชาติที่วางไว้ใช่หรือไม่ โดยอยากให้พรรคฝ่ายค้านยื่นเรื่องให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติได้พิจารณา เพื่อหยุดการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ เพราะเชื่อว่าหากเป็นพรรคฝั่งตรงข้ามที่เป็นรัฐบาลป่านนี้อาจถูกคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติหยุดการบริหารประเทศแล้ว ทั้งนี้ นอกจากรัฐบาลจะแจกเงินอย่างมโหฬาร ล่าสุดแจกกว่า 3...

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ (5 ก.ย.) จะส่งคำร้องของ ส.ส.ฝ่ายค้านที่เข้าชื่อกันเพื่อส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยเรื่องการตราพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองสถาบันครอบครัว 2562 เห็นว่าการตรากฎหมายนี้ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 วรรค 1 หรือไม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญมีกรอบเวลาการพิจาณาไม่เกิน 60 วัน และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเสร็จ สภาผู้แทนราษฎรจะนำพระราชกำหนดมาพิจารณาอีกครั้ง ทั้งนี้ ไม่ยืนยันว่าจะทันสมัยการประชุมนี้หรือไม่

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านระบุว่ารัฐบาลใจแคบ เปิดโอกาสให้อภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงในประเด็นการถวายสัตย์ปฏิญาณตนของคณะรัฐมนตรีไม่ครบถ้วน เพียง 1 วัน เป็นระยะเวลาที่น้อยเกินไปว่า ยืนยันว่าระยะเวลา 1 วันก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ส่วนที่มีการกำหนดเป็นวันที่ 18 กันยายน ซึ่งเป็นวันก่อนปิดประชุมสภานั้น ก็ไม่ได้เป็นการมัดมือชกฝ่ายค้านเพื่อไม่ให้ต่อเวลาแต่อย่างใด ซึ่งก็ต้องจบอยู่แล้วภายในวันที่ 18 กันยายน เพราะหมดสมัยประชุมสภา และยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นละเอียดอ่อนอะไร คิดว่าใช้เวลาอภิปรายเพียงวันเดียวก็เพียงพอ ส่วนจะเป็นการประชุมแบบเปิดหรือแบบลับนั้นก็แล้วแต่สภาเป็นผู้พิจารณา อย่างไรก็ตาม ในส่วนตัวมองว่าหากจะเป็นการประชุมแบบเปิดเผยก็ไม่เป็นไร แต่ต้องระมัดระวังคำพูดที่จะไปเกี่ยวข้องกับสถาบัน เมื่อถามว่าภาพรวมด้านความมั่นคงในขณะนี้มีอะไรน่าเป็นห่วงหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่น่ามี และเชื่อว่าทุกคนมีความเข้าใจดีในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเรื่องการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ซึ่งประชาชนก็มีความเข้าใจมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้เรื่องการเมืองออกมาเล่นนอกสภา...

วันนี้ (4 ก.ย.) ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เมื่อวานตอนเย็นสํานักนายกรัฐมนตรีส่งหนังสือมายืนยันว่านายกรัฐมนตรีพร้อมชี้แจงการอภิปรายทั่วไปนายกรัฐมนตรีโดยไม่มีการลงมติ ตามมาตรา 152 ประเด็นถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบถ้วน วันที่ 18 กันยายน ตรงกับการหารือกับประธานวุฒิสภาว่าวันที่ 16 และ 17 กันยายน จะต้องมีการประชุมวุฒิสภา จึงเหลือวันที่ 18 กันยายนเพียงวันเดียว โดยจะกำหนดการอภิปรายไว้ตั้งแต่ช่วงเช้าเวลา 09.30 น. และต้องสิ้นสุดที่เวลา 24.00 น. เพราะไม่สามารถเปิดประชุมวิสามัญต่อได้ เนื่องจากวันที่ 19 กันยายนปิดสมัยประชุมแล้ว และการจะเปิดประชุมวิสามัญจะต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกา ซึ่งจะมีการออกเพื่อใช้เปิดประชุมพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจําปี 2563...

นายภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล พร้อมบุตรชาย นายคมสัน พันธุ์วิชาติกุล ถือฤกษ์เวลา 11.39 น. เดินทางเข้ามาไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล จากนั้นนายภาณุวัฒน์ให้สัมภาษณ์ถึงดวงชะตาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐบาลในภาพรวมว่า ไม่มีอะไรน่าห่วง เชื่อว่าทุกอย่างจะผ่านพ้นปัญหาไปได้ แม้จะมีปัญหาจุกจิกเข้ามาวุ่นวาย แต่มั่นใจว่านายกฯจะสามารถนำนาวารัฐมนตรีผ่านพ้นวิกฤตไปได้ ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์จะต้องเข้าไปชี้แจงประเด็นการถวายสัตย์ปฏิญาณต่อสภานั้น ไม่มีปัญหา เพราะดวงของนายกฯในภาพรวมดีอยู่แล้ว และจะดูแลบ้านเมืองยาวไปอีก 2 สมัย (8 ปี) ทั้งนี้ ตนดูไปตามดวง ไม่ได้เข้าข้างใครว่าทำนายแล้วจะไปอิงคนโน้นคนนี้ เพราะจะเสียชื่อ เมื่อถามว่าจากนี้ไปจะมีอุบัติเหตุทางการเมืองอะไรอีกหรือไม่ นายภาณุวัฒน์กล่าวว่า การทำงานก็ต้องมีปัญหาเป็นช่วงๆ เช่นเดียวกับในช่วงที่พายุฝนมา เราก็ต้องหลบ ต้องรู้จักเบรก...

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความเป็นห่วงสถานการณ์ภายหลังพายุโพดุลได้ถล่มในหลายจังหวัดในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงเตรียมลงตรวจพื้นที่ รับฟังปัญหา และเยี่ยมประชาชน เพื่อจะได้ช่วยเหลือ บรรเทาความเสียหาย และสร้างขวัญใจกำลังใจให้แก่ประชาชน โดยวันพุธที่ 4 กันยายนช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีและคณะ เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะเดินทางไปยังจังหวัดพิษณุโลก เพื่อประชุมติดตามสถานการณ์และหาแนวทางการแก้ปัญหาที่ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก หลังประชุมเสร็จสิ้นนายกฯและคณะจะเดินทางไปตรวจสถานการณ์และเยี่ยมประชาชนที่อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก จากนั้นจะเดินทางไปยังจังหวัดสุโขทัยเพื่อตรวจเยี่ยมพื้นที่ประสบอุทกภัยที่ประตูระบายน้ำบ้านหาด สะพานจันทร์ อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯในช่วงเย็น

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการกำหนดวันอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามที่พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นญัตติตามมาตรา 152 กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นำคณะรัฐมนตรีถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดว่า ได้มอบหมายให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรประสานไปยังสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว ดังนั้น ต้องรอผลการประชุม ครม. ในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ย.) ส่วนกรณีที่มีการเสนอให้เป็นการอภิปรายลับนั้นก็สามารถทำได้ตามกฎหมาย โดยกฎหมายกำหนดไว้ว่าจะต้องใช้เสียง ส.ส. จำนวนเท่าไร หรือ ครม. ขอมา ทั้งนี้ ส่วนตัวแล้วไม่กังวลในเรื่องการกำหนดวันและเวลา เพราะเมื่อบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมแล้วก็ต้องทำตามหน้าที่ อย่างไรก็ตาม ประเด็นการอภิปรายทั่วไปนั้นจะเป็นเรื่องการกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบ และที่มาของงบประมาณในการจัดทำนโยบายของรัฐบาล ซึ่งตามรัฐธรรมนูญแล้วที่ประชุมสภาสามารถทำได้ 2 อย่างคือ ซักถามและให้คำแนะนำ เมื่อมีผู้ซักถามก็ต้องมีคนตอบ ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดของเรื่องนี้คือการประสานงานกันเพื่อให้เกิดความพร้อมของทั้ง 2 ฝ่าย

วันนี้ (2 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการกลับมาจัดรายการนายกฯพบประชาชน ได้มีการนำเสนอรูปแบบรายการต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แล้วหรือไม่ว่า ยัง เนื่องจากวันนี้นายกฯติดภารกิจรับผู้นำจากประเทศเกาหลีใต้จึงยังไม่ได้พูดคุย แต่ในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ย.) จะไปพูดคุยกับนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือถึงเรื่องดังกล่าว ก่อนจะนำไปเสนอนายกฯเพื่อให้นายกฯตัดสินใจ ทั้งตนและกรมประชาสัมพันธ์ได้คิดรูปแบบรายการไว้หลายรูปแบบเพื่อให้ดูมีความทันสมัย เช่น รายการประจำ หรือเวลานายกฯลงพื้นที่แล้วมีคำถามเข้ามา แต่ทั้งนี้ ต้องแล้วแต่นายกฯ อย่างไรก็ตาม จะพยายามทำให้ดีที่สุด ให้ประชาชนรู้ข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลมากที่สุด ส่วนวันและเวลาของรายการนั้นยังไม่ได้คิดรูปแบบ อาจมีการเปลี่ยนแปลง ต้องดูความเหมาะสมก่อน

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ศึกษาบทความของ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และอดีตประธานแบงก์ชาติ เรื่อง “สัญญาณเศรษฐกิจตกต่ำ” เพื่อเป็นหลักคิดและแนวทางในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทยในปัจจุบัน โดย ดร.วีรพงษ์ได้เตือนถึงภาวะเศรษฐกิจของโลกที่อาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยและตกต่ำได้ โดยมีสัญญาณจาก Inverted Yield Curve ที่พันธบัตรระยะยาวให้ผลตอบแทนน้อยกว่าพันธบัตรระยะสั้น อีกทั้งยังมีสัญญาณความตกต่ำทางเศรษฐกิจในหลายประเทศหลัก ทั้งนี้ อยากให้ประเทศไทยเตรียมพร้อมรับมือ อีกทั้ง ดร.วีรพงษ์ยังชี้แนวทางแก้ไข โดยต้องเร่งปรับนโยบายทางการเงินของแบงก์ชาติที่จะให้ผลทางเศรษฐกิจรวดเร็วกว่า พร้อมไปกับนโยบายทางการคลัง ส่งเสริมให้บริษัทไทยไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านที่มีต้นทุนถูกกว่า สนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศโดยเฉพาะจากญี่ปุ่นและจีนในอุตสาหกรรมที่มีเทคโนโลยีสูง ซึ่งเป็นหลักคิดการพัฒนาของประเทศที่กำลังพัฒนาที่จะพัฒนาต่อไปเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลก หลายประเด็นในบทความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับแนวทางที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี...

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีเซ็นทรัล วิลเลจ ก่อสร้างทับที่สนามบินสุวรรณภูมิว่า ตอนนี้ผู้เกี่ยวข้องกำลังไปดูกันอยู่ และได้ทราบว่าบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้ไปร้องศาลปกครองให้คุ้มครอง ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ เพราะไปเกี่ยวพันกับ 3-4 กระทรวง ทั้งกระทรวงคมนาคมในฐานะที่กำกับดูแลการท่าฯ กระทรวงมหาดไทยที่ดูแลเรื่องผังเมือง กระทรวงการคลังซึ่งดูแลเกี่ยวกับที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้หน่วยงานเหล่านี้ไปดู โดยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้แจ้งกับนายกฯไปแล้วว่าจะลงไปดูว่าจะหาทางทำอย่างไรได้บ้าง เมื่อถามว่าหากศาลปกครองยังไม่มีมติออกมาว่าคุ้มครองหรือไม่ ทางบริษัทเซ็นทรัลพัฒนาจะเปิดให้บริการเซ็นทรัล วิลเลจ ได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ก็แล้วแต่เขา ถ้าจะเปิดก็เปิดได้ ถือเป็นการเปิดชั่วคราว ขณะที่ให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องดูแลกันไปก่อน เมื่อถามว่าเรื่องนี้นายกฯได้ให้ความสนใจและกำชับในที่ประชุม ควรต้องมีการดำเนินการให้ชัดเจนโดยเร็วหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ความรวดเร็วคงไม่ต้องพูดและบอกกัน เพราะรู้กันอยู่แล้วว่าเขาจะเปิดอยู่แล้ว ปัญหาเฉพาะหน้าเวลานี้เป็นเรื่องที่เขาจะเปิดแล้วมากกว่า...